svasdssvasds

สำรวจความเห็น ‘เด็กเจนใหม่’ แนวคิดนายกฯ คนไทย ‘เกษียณอายุ 65 ปี’

สำรวจความเห็น ‘เด็กเจนใหม่’ แนวคิดนายกฯ คนไทย ‘เกษียณอายุ 65 ปี’

พาสำรวจความเห็น ‘เด็กเจนใหม่’ แนวคิดนายกรัฐมนตรี ว่าคนไทย ‘เกษียณอายุ 65 ปี’ บางคนอยากพักผ่อนเร็วขึ้น VS บางคนอยากหาเงินเพิ่มอีก 5 ปี

SHORT CUT

  • ในงาน Sustainability Expo 2025  นายกรัฐมนตรี ได้ชูแนวคิดการเกษียณอายุราชการเป็น 65 ปี  
  • เพราะสังคมเปลี่ยนไป สุขภาพคนเปลี่ยนและคุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งอาจต้องปรับเพื่อไม่ให้เกิดการว่างงานมากขึ้น

  • เรื่องนี้ ‘เด็กเจนใหม่’ เห็นว่าไงกับแนวคิดคนไทย ‘เกษียณ 65 ปี’ เชื่อว่าบางคนอยากพักผ่อนเร็วขึ้น VS บางคนอยากหาเงินเพิ่มอีก 5 ปี

พาสำรวจความเห็น ‘เด็กเจนใหม่’ แนวคิดนายกรัฐมนตรี ว่าคนไทย ‘เกษียณอายุ 65 ปี’ บางคนอยากพักผ่อนเร็วขึ้น VS บางคนอยากหาเงินเพิ่มอีก 5 ปี

ในงาน Sustainability Expo 2025 ‘นายอนุทิน ชาญวีรกูล’ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ล่าสุดได้มากล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ยกระดับอุตสาหกรรม-การค้า-การลงทุนสู่ความยั่งยืน” จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ร่วมกับ Sustainability Expo 2025 หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจ และเป็นประเด็นถกเถียงกันในโลกออนไลน์อย่างมาก นั่นก็คือ แนวคิดการเกษียณอายุราชการเป็น 65 ปี  ที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า ขณะนี้เป็นเพียงแนวคิด​ เพราะสังคมเปลี่ยนไป สุขภาพคนเปลี่ยนและคุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งอาจต้องปรับเพื่อไม่ให้เกิดการว่างงานมากขึ้น

 

นายกรัฐมนตรี ยกเหตุผลที่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้แปลกอะไร เพราะ…ในวงการศาล อัยการ ก็เกษียณอายุราชการ 65-70 ปี โดยจะพยายามทำเท่าที่จะทำได้ ในส่วนของงบประมาณหากเกษียณอายุ 60 ปี ยังได้บำเหน็จ-บำนาญ แต่รัฐต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะพยายามจัดสรรปรับปรุงงบประมาณให้สอดคล้องกัน

สำรวจความเห็น ‘เด็กเจนใหม่’ แนวคิดนายกฯ คนไทย ‘เกษียณอายุ 65 ปี’

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี มองว่า สุขภาพเปลี่ยนไปมีความเข้าใจเรื่องของสุขภาพดีขึ้น ก็คงมีการปรับ เพื่อทําให้ไม่เกิดการว่างงาน แต่ตรงนี้เป็นเพียงแนวคิด สูตรแนวทางที่จะออกมาในรูปแบบก็ต้องมีการปรึกษาหารือกันอย่าเพิ่งไปบอกว่าจะเกิดขึ้นใน 1 - 2 วันนี้ เพราะต้องมีการหารือมีการแก้กฎหมาย

สำหรับแนวทางนี้ก็คงเป็นการแก้ไขปัญหาเด็กเจนใหม่เกิดน้อย และสังคมไทยมีผู้สูงอายุมากขึ้น และเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยข้อมูลจากสถิติสาธารณสุขปี 2567 เด็กเกิดใหม่เพียง 462,240 คน และตั้งแต่ปี 2564 ไทยเข้าสู่สถานการณ์มีอัตราการเกิดน้อยกว่าอัตราการตาย โดยเมื่อเมื่อเทียบช่วงปี 2506-2526 ไทยมีเด็กเกิดใหม่มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี และสูงสุดถึง 1.2 ล้านคนในปี 2514 ปรากฏการณ์นี้สะท้อนทัศนคติใหม่ของคนรุ่นปัจจุบันที่ชะลอหรือไม่ต้องการมีบุตรจากหลายปัจจัย

ขณะที่จำนวนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกิน 20% ของประชากรกลายเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” ภายในปี 2576 หรืออีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุถึง 28% หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด จึงคาดการณ์อีก 60 ปี จำนวนประชากรจะเหลือเพียง 33 ล้านคน ซึ่งกระทบมากทั้งมิติสังคม เศรษฐกิจและความมั่นคง โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเด็กเกิดน้อยประกอบด้วย

จากการสำรวจยัง พบอีกว่า ขาดแคลนแรงงาน ซึ่งปี 2566 จำนวนประชากรเข้าสู่วัยแรงงาน อายุ 20-24 ปี ไม่สามารถชดเชยจำนวนประชากรที่ออกจากวัยแรงงานอายุ 60-64 ปีได้ ส่งผลให้ผลิตผลของประเทศลดลง รายได้จากการจัดเก็บภาษีลดลง และพึ่งพาแรงงานข้ามชาติมากขึ้น ขณะที่อัตราส่วนพึ่งพิงวัยสูงอายุต่อวัยแรงงานเพิ่มขึ้นจากปี 2543 วัยแรงงาน 7.1 คน ต่อผู้สูงอายุ 1 คน ปี 2563 วัยแรงงาน 3.6 คนต่อผู้สูงอายุ 1 คน เป็นวัยแรงงาน 1.8 คนต่อผู้สูงอายุ 1 คนในปี 2583

ดังนั้นในเรื่องนี้การมีเหตุ และผล หลายองค์ประกอบที่ต้องพิจารณากันต่อไป ส่วนเด็กๆเจนใหม่จะมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องแนวคิดคนไทย ‘เกษียณ 65 ปี เชื่อว่าบางคนอยากที่พักผ่อนเร็วขึ้น ส่วนบางคนที่มีภาระก็อยากหาเงินเพิ่มอีก 5 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

 

related