41–45 ปี ช่วงอายุเกษียณที่เหมาะที่สุด จากชีวิตผู้เชี่ยวชาญ

ควรเกษียณอายุช่วงไหนดี จึงจะทำให้ชีวิตสมดุลและไม่ต้องเสียดายในภายหลัง?
นี่เป็นคำถามที่หลายคนต่างหาคำตอบ แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเกษียณอายุไม่ใช่เพียงเรื่องของเงินเก็บหรือการมีเวลาเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากแต่เกี่ยวพันกับความหมายของชีวิต สุขภาพ และความสุขในระยะยาว

หนึ่งมุมมองที่น่าสนใจที่สุดต่อประเด็นนี้มาจาก "แซม โดเกน (Sam Dogen)" อดีตนักการเงินวอลล์สตรีท และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Financial Samurai ซึ่งเป็นแหล่งความรู้ด้านการเงินส่วนบุคคลที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

แซมเล่าประสบการณ์ตรงว่าเขาเคยเกษียณจากงานธนาคารการลงทุนตอนอายุเพียง 34 ปี หลังจากทำงานมาอย่างหนักและสะสมความมั่งคั่งได้มากพอ เขาคิดว่าตัวเองได้บรรลุความฝัน มีอิสระเต็มที่ที่จะทำอะไรก็ได้ในชีวิต เขาเดินทางรอบโลก เล่นกีฬาได้ทุกวัน และไม่ต้องกังวลกับแรงกดดันในที่ทำงานอีกต่อไป แต่ความจริงกลับไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะเมื่อความตื่นเต้นในชีวิตใหม่ค่อย ๆ จางลง สิ่งที่เข้ามาแทนคือความรู้สึกว่างเปล่า

เขาพบว่าการเกษียณเร็วเกินไปอาจทำให้ชีวิตขาดความหมาย ถึงแม้เขาจะไม่ต้องทำงานเพื่อเงินอีกต่อไป แต่เขาก็สูญเสียความท้าทายทางจิตใจและเป้าหมายที่ชัดเจนในแต่ละวัน การตื่นขึ้นมาโดยไม่มีภารกิจหรือเป้าหมายสำคัญทำให้เขารู้สึกไม่ต่างจากการ “หลงทาง” นี่จึงเป็นบทเรียนที่เขาอยากแบ่งปันว่า เกษียณเร็วเกินไปอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน 

ช่วงอายุที่เหมาะสมเกษียณมากที่สุด 

จากประสบการณ์และการศึกษาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เขาสรุปว่า ช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเกษียณ ไม่เร็วหรือช้าเกินไป อยู่ที่ 41–45 ปี เพราะวัยนี้ถือเป็นจุดสมดุลระหว่างสุขภาพที่ยังแข็งแรงกับเงินเก็บที่เพียงพอ คุณยังคงมีพลังที่จะใช้ชีวิตตามที่ฝัน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการเริ่มต้นโครงการใหม่ ๆ ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเงินมากเท่าตอนอายุน้อย

เขายกตัวอย่างคู่รักวัยสามสิบที่เลือกใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ยึดติดกับบ้านใหญ่หรือรถหรู แต่เน้นเก็บเงินและใช้ชีวิตไปกับการเดินทาง พวกเขาตั้งใจจะเกษียณในวัยต้นสี่สิบ ซึ่งสะท้อนแนวคิดว่า การเกษียณไม่จำเป็นต้องตามกรอบอายุที่สังคมกำหนด แต่ขึ้นอยู่กับการวางแผนและการหาสมดุลที่เหมาะกับตัวเอง

ในทางตรงกันข้าม สถิติของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าอายุเกษียณเฉลี่ยจริงอยู่ที่ 61–65 ปี และการเกษียณก่อน 54 ปียังถือเป็นเรื่องไม่ธรรมดา หากใครสามารถวางแผนจนเกษียณได้ในวัยกลางสี่สิบ ก็ถือว่ากำลังทำสิ่งที่ต่างออกไปจากกระแสหลัก และอาจได้รับรางวัลเป็นเวลาชีวิตที่มากขึ้นสำหรับการทำในสิ่งที่รัก

เขาย้ำว่าช่วงวัยนี้ยังเป็นเวลาที่สุขภาพร่างกายเอื้อให้ทำกิจกรรมท้าทาย เช่น การปีนเขา เดินป่า หรือท่องเที่ยวไกล ๆ ได้อย่างสนุกสนาน แตกต่างจากการเกษียณตอนอายุหกสิบที่แม้จะมีเงินมากกว่า แต่สุขภาพและพลังอาจไม่เอื้อให้ใช้ชีวิตได้เต็มที่อย่างที่ใจฝัน

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ปฏิเสธว่า การเกษียณอายุเป็นเรื่องส่วนบุคคล บางคนอาจยังมีภาระครอบครัว ต้องทำงานต่อเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน บางคนอาจเลือก “กึ่งเกษียณ” โดยยังทำงานบางส่วนเพื่อรักษาความหมายของชีวิต ดังนั้น แม้ 41–45 ปีจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในมุมของเขา แต่มันไม่ใช่กฎตายตัวสำหรับทุกคน

และที่สำคัญ ช่วงอายุนี้คือช่วง “สมัยแซนด์วิช” ที่หลายคนต้องรับภาระหนักหลายด้าน เช่น ดูแลทั้งพ่อแม่ที่แก่ชราหรือยังต้องเลี้ยงดูบุตร ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นหรือมีภาระทางอารมณ์มากกว่าที่คาด หากวางแผนเกษียณโดยไม่เตรียมรับมือกับเรื่องเหล่านี้ ก็อาจทำให้ชีวิตหลังเกษียณเต็มไปด้วยความตึงเครียดหรือความกังวลทางการเงิน

สำหรับ แซม โดเกน การเกษียณตอน 34 ปีเป็นบทเรียนล้ำค่า เขาไม่ได้เสียใจ แต่ก็ยอมรับว่ามันอาจเร็วเกินไป หากเขาได้ทำงานต่ออีก 7–10 ปีเพื่อเกษียณตอนกลางสี่สิบ เขาเชื่อว่าจะมีทั้งความมั่นคงทางการเงินมากขึ้นและความสุขในชีวิตหลังงานที่สมดุลกว่า สิ่งนี้ทำให้เขากล้าสรุปอย่างหนักแน่นว่า ช่วงวัยกลางสี่สิบคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการปิดฉากเส้นทางอาชีพ  

ที่มา : financialsamurai 

ข่าวที่กี่ยวข้อง 

• วิชัยชี้ ทำงานต่อในวัยเกษียณ เพิ่มความสุขชีวิต โดยเฉพาะผู้ชาย 
• เชฟ Hawker Chan มิชลินจานละ 50 บาท รสชาติระดับโลกที่ถูกที่สุดในโลก 
• ซีอีโอยุคใหม่ นอนให้พอก่อนทำงาน หลับดี = การตัดสินใจดี