SHORT CUT
โดนัลด์ ทรัมป์ คาดหวังจะบรรลุดีลการค้าที่ดีกับ สี จิ้นผิง ที่ APEC เกาหลีใต้ แต่ก็ยอมรับว่าการประชุมที่หลายฝ่ายรอคอยนี้อาจถูกยกเลิก ท่ามกลางความตึงเครียดหลายประเด็น
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณล่าสุดเกี่ยวกับ 'ดีลการค้ากับจีน' โดยกล่าวระหว่างรับประทานอาหารกลางวันกับสมาชิกพรรครีพับลิกันที่ทำเนียบขาวว่า เขามี "ความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม" กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และคาดหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงที่ดีและยุติธรรมร่วมกันได้
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า การประชุมดังกล่าว "อาจไม่เกิดขึ้น" แม้เขาจะเชื่อว่าการพบกันครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างมากก็ตาม
การประชุมทวิภาคีระหว่างสองผู้นำมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่ประเทศเกาหลีใต้ในอีกประมาณ 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการพบกันครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว
ท่าทีของทรัมป์มีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยเขาประกาศครั้งแรกว่าจะพบกับ สี จิ้นผิง เมื่อวันที่ 19 กันยายน แต่ในวันที่ 10 ตุลาคม กลับขู่ว่าจะยกเลิกการเจรจาและขึ้นภาษีครั้งใหญ่ หลังจากจีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก (Rare Earth) ก่อนจะกลับลำอีกครั้ง
ความไม่แน่นอนนี้ยังสะท้อนถึงท่าทีของเขากับผู้นำคนอื่น โดยก่อนหน้านี้ทรัมป์กล่าวว่าจะพบกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แต่ล่าสุดทำเนียบขาวปฏิเสธว่ายังไม่มีแผนการประชุมในอนาคตอันใกล้นี้
ก่อนการประชุมระดับผู้นำ สก๊อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ มีกำหนดจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน เพื่อพยายามลดความตึงเครียดทางการค้า
ประเด็นสำคัญที่จะมีการหารือกัน นอกเหนือจากข้อตกลงการค้าที่เปราะบางและการตอบโต้ด้านภาษี ได้แก่ ประเด็นที่สหรัฐฯ ต้องการให้จีนหยุดยั้งการส่งออกเฟนทานิล (Fentanyl) ซึ่งเป็นสาเหตุของวิกฤตโอปิออยด์ในอเมริกา, การกลับมาซื้อถั่วเหลืองของจีน และประเด็นความทะเยอทะยานด้านอาณาเขตของจีนต่อไต้หวัน
ทรัมป์ ยังคงย้ำคำขู่ที่จะเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้าจีนหากไม่มีข้อตกลงภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน รวมถึงอาจใช้มาตรการอื่น เช่น การตัดการขนส่งชิ้นส่วนเครื่องบินพาณิชย์
แรงกดดันจาก "เส้นตาย" ที่ทรัมป์ใช้เป็นไพ่ต่อรอง ทำให้การประชุม APEC ครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่ง และถูกจับตามองว่าจะเป็น "จุดเปลี่ยน" ในการผ่อนคลายความตึงเครียด หรือจะเป็น "จุดแตกหัก" ที่นำไปสู่การเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจรอบใหม่