
SHORT CUT
รู้จัก "โพไซดอน" ตอร์ปิโดทางยุทธศาสตร์ใต้ทะเลจากรัสเซีย อาวุธใต้น้ำที่น่าเกรงขามและเป็นที่จับตามองมากที่สุดชิ้นหนึ่งของโลก ใช้ตอบโต้ภัยคุกคามนิวเคลียร์ ทำลายเป้าหมายสำคัญทางยุทธศาสตร์ของศัตรู
จากกรณีที่ วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เปิดเผยว่า รัสเซียได้ดำเนินการทดสอบตอร์ปิโด "โพไซดอน" (Poseidon) ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ และสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้สำเร็จ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารระบุว่า อาวุธชนิดนี้มีศักยภาพในการทำลายพื้นที่ชายฝั่งเป็นบริเวณกว้าง ด้วยการสร้างคลื่นมหาสมุทรปนเปื้อนกัมมันตรังสีขนาดมหึมา
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อรัสเซียมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ รัสเซียเพิ่งดำเนินการทดสอบขีปนาวุธร่อนแบบใหม่ “บูเรเวสต์นิก” (Burevestnik) เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม และซ้อมรบปล่อยอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา
"โพไซดอน" (Poseidon) หรือในชื่อรหัสทางการของรัสเซียว่า 2M39 "สถานะ-6" (Status-6) ของกองทัพเรือรัสเซีย จัดเป็นอาวุธยุทธศาสตร์ใต้น้ำที่น่าเกรงขาม และเป็นที่จับตามองมากที่สุดชิ้นหนึ่งของโลกในปัจจุบัน พัฒนาโดยรัสเซียและถูกจัดอยู่ในกลุ่ม อาวุธนิวเคลียร์พิสัยไกลแบบอัตโนมัติ โพไซดอนถูกออกแบบมาเพื่อเป็นอาวุธตอบโต้ภัยคุกคามนิวเคลียร์ โดยมีจุดประสงค์หลักคือการทำลายเป้าหมายสำคัญทางยุทธศาสตร์ของศัตรู ไม่ว่าจะเป็นเมืองท่าสำคัญ กองเรือบรรทุกเครื่องบิน หรือแม้แต่ฐานทัพเรือขนาดใหญ่
ปูติน เคยประกาศไว้ว่าเมื่อปี 2018 ระบุว่าโพไซดอนเป็น 1 ในอาวุธนิวเคลียร์ใหม่ 6 ชนิดของรัสเซีย ไม่ใช่ตอร์ปิโดธรรมดา แต่เป็นยานใต้น้ำไร้คนขับ (UUV: Unmanned Underwater Vehicle) ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการขับเคลื่อน ทำให้มันมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งหลายประการ
หัวใจสำคัญของโพไซดอนคือ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก ที่ช่วยให้มันสามารถเดินทางใต้น้ำได้ในระยะทางที่ไร้ขีดจำกัด และสามารถดำน้ำอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานานหลายเดือนหรือหลายปีโดยไม่ต้องกลับมาเติมเชื้อเพลิง สิ่งนี้ทำให้มันสามารถลอยตัวซุ่มโจมตีอยู่ใต้น้ำได้ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตรวจจับ
โพไซดอนมีความสามารถในการเดินทางด้วยความเร็วสูง 100 นอต หรือ 185 กม./ชม. และสามารถดำน้ำได้ลึกสูงสุดกว่า 1,000 เมตร ซึ่งลึกเกินกว่าขีดจำกัดของเรือดำน้ำหรือเรือรบของฝ่ายตรงข้ามส่วนใหญ่ ทำให้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกตรวจจับหรือทำลายจากอาวุธต่อต้านเรือดำน้ำในปัจจุบัน
โพไซดอนถูกออกแบบมาเพื่อติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ ที่มีอำนาจทำลายล้างสูงมาก โดยมีรายงานว่าสามารถติดตั้งหัวรบที่มีอานุภาพทำลายล้างตั้งแต่ 2 เมกะตัน ไปจนถึง 100 เมกะตัน หรือมากกว่านั้น ซึ่งหัวรบขนาดใหญ่นี้สามารถสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล ไม่ใช่แค่การทำลายเป้าหมายโดยตรง แต่ยังสามารถสร้าง คลื่นสึนามินิวเคลียร์ ที่มีความสูงหลายสิบเมตรไปจนถึงหลายร้อยเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดหัวรบนิวเคลียร์ ได้หากระเบิดใต้น้ำใกล้กับชายฝั่ง ซึ่งจะนำพาคลื่นกัมมันตรังสีเข้าทำลายพื้นที่ชายฝั่งในวงกว้าง ทำให้เมืองท่าหรือเมืองใหญ่ที่ติดทะเลไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
โพไซดอนเป็นตอร์ปิโดติดอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ใต้ทะเลที่มีขนาดใหญ่มาก สร้างด้วยโลหะผสมไททาเนียม โดยมีความยาวประมาณ 20-24 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร มีน้ำหนักมากถึง 100 ตัน ติดตั้งพลังงานขับเคลื่อนจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระบายความร้อนด้วยโลหะเหลว (LMR) ขนาด 25 เมกะวัตต์ พิสัยการเดินทางเกือบจะไร้ขีดจำกัดเนื่องจากใช้พลังงานจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก และสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 1,000 เมตร ทำให้ยากต่อการตรวจจับและโจมตีด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน
โพไซดอนถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน อาวุธตอบโต้ครั้งที่สอง (second-strike weapon) ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดของรัสเซีย หรือที่เรียกว่า "วันสิ้นโลก" มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้โจมตีเป็นอันดับแรก แต่เป็นอาวุธสำรองสุดท้ายที่จะใช้ตอบโต้หากรัสเซียถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จนระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินและทางอากาศไม่สามารถตอบโต้ได้
โพไซดอนสามารถเข้าถึงเป้าหมายได้แทบทุกแห่งทั่วโลก และสามารถทำลายเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและรุนแรง ทำให้มันเป็นเครื่องมือยับยั้ง (deterrence) ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อข่มขู่ไม่ให้ศัตรูกล้าโจมตีรัสเซียด้วยอาวุธนิวเคลียร์ก่อน
โพไซดอน ถือเป็นอาวุธยุทธศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของรัสเซีย และเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในสมดุลอำนาจทางทหารของโลก มันไม่ใช่เพียงแค่ตอร์ปิโด แต่เป็นระบบอาวุธที่ซับซ้อนและมีอำนาจทำลายล้างสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือยับยั้งขั้นสูงสุดที่สามารถรับประกันความปลอดภัยของรัสเซียจากภัยคุกคามนิวเคลียร์ได้
ที่มา : Army Military Force