
SHORT CUT
รัฐบาล-กองทัพ ยกทีมแจงปมชายแดนไทย-กัมพูชา งัดหลักฐานฟาดวางระเบิดใหม่-ละเมิดปฏิญญาสันติภาพ“ เร่งเก็บกู้ 13 พื้นที่เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.00 น. คณะโฆษกจากรัฐบาลและกองทัพ นำโดย สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกันแถลงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะกรณีการพบทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งชี้ชัดว่าเป็นการละเมิดปฏิญญาสันติภาพ
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความชัดเจนเรื่องการปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.-10 พ.ย. ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ทหารเหยียบกับระเบิดใหม่รวม 7 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บในอาณาเขตของไทยรวม 20 ราย และขาขาด 7 ราย
หลักฐานที่เก็บได้บ่งชี้ว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ดำเนินการวางระเบิดใหม่ เนื่องจากตัวทุ่นที่พบเป็นระเบิดใหม่ วางบนพื้นที่ขุดใหม่ในลักษณะวางเป็นกลุ่ม ซึ่งมีเป้าหมายถึงชีวิต และเป็นพฤติกรรมที่กัมพูชาเคยทำมาตลอดใน 6 พื้นที่ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ยืนยันตามอนุสัญญาออตตาวาว่า ประเทศไทยไม่มีการเก็บสะสมทุ่นระเบิดสังหาร และไม่มีทุ่นระเบิด PMN-2 ในครอบครองมาตั้งแต่สมัยสงคราม ทำให้หลักฐานชี้ชัดว่าทุ่นระเบิดที่พบไม่ใช่ของไทยอย่างแน่นอน
พล.ร.ต.สุรสันต์ ยังได้เปิดเผยถึงหลักฐานสำคัญที่ยืนยันการละเมิดปฏิญญาร่วม (Join Declaration) อย่างชัดเจน โดยมีการนำเสนอ "วิดีโอหลักฐาน" จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายจริง ไม่ใช่ AI โดยวิดีโอเหล่านี้มาจากกล้องและโทรศัพท์มือถือของฝ่ายกัมพูชาที่เก็บได้จากเหตุปะทะในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเป็นคนถ่ายไว้เอง หลักฐานเหล่านี้เป็นภัยคุกคามต่อการเจรจาโดยสันติวิธี
นอกจากนี้ หลังเหตุปะทะ ฝ่ายไทยยังตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล 72B พร้อมเพิ่มที่ภูมะเขือ และปราสาทตาควาย เพื่อนำไปวางต่ออีกด้วย
จากสถานการณ์ดังกล่าว ฝ่ายไทยด้านความมั่นคงจึงต้อง ระงับการปฏิบัติตามแผนที่ได้ตกลงไว้ในปฏิญญาร่วม แต่ยังคงเดินหน้าเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในดินแดนไทยบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับการดำรงชีวิตของประชาชนคนไทยในพื้นที่
ปัจจุบัน ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย ยังคงเดินหน้าภารกิจเก็บกู้ระเบิด โดยได้กำหนดพื้นที่เร่งด่วนสำหรับการเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิด จำนวน 13 พื้นที่ ซึ่งเคยมีการถูกกำลังพลกัมพูชาเข้าแทรกแซงและขอให้ไทยยุติการดำเนินการมาแล้วถึง 16 ครั้ง
ด้านนโยบายโดยรวม นายสิริพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลต้องการให้การค้าเดินหน้าเป็นไปต่อเนื่องควบคู่กับอธิปไตยของประเทศไทย
หากกลไกทวิภาคีของไทย-กัมพูชา สามารถดำเนินการต่อได้จะทำต่อ แต่หากดำเนินการไม่ได้จะดำเนินการในระดับพหุภาคี รัฐบาลยืนยันว่าจะใช้แนวทางสันติวิธี แต่ขณะเดียวกันก็ สงวนสิทธิ์ในการตอบโต้หากโดนยั่วยุตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่าจะปกป้องอธิปไตยไทย และการปล่อยตัว 18 เชลยศึกจะดำเนินการเมื่อเห็นว่ากัมพูชาสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์และความจริงใจเท่านั้น
ด้านนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมากระทรวงต่างประเทศดำเนินการทันทีและตอบโต้ดำเนินการทุกระดับเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและรักษาอธิปไตยไทย รวมถึงที่ผ่านมานายกฯ ได้หารือกับผู้นำสหรัฐและมาเลเซียแล้ว และแจ้งประท้วงเรื่องนี้แก่นานาชาติว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงต่างๆ และรุกล้ำอธิปไตยไทย
ส่วนแนวทางดำเนินการจากนี้ กระทรวงฯจะเดินหน้าชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาคมสังคมโลก และ รมว.ต่างประเทศ จะไปประชุมสหภาพยุโรป และที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงพบกับสื่อมวลชนต่างประเทศต่างประเทศ ก็จะมีการชี้แจงในเรื่องนี้ พร้อมยืนยันว่ากระทรวงต่างประเทศ ดำเนินการเชิงการทูตเชิงรุก ในทุกกรอบและทุกเวที
โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ว่าที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้พูดคุยกับสหรัฐในการเจรจาภาษีการค้าต่างตอบแทนมาอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าสหรัฐจะมีเป้าหมายเดียวกับไทยในการยึดเดดไลน์เดิม โดยให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ และเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการให้รับมือในสภาวะการแข่งขันที่สูง พร้อมยืนยันว่าเราจะดำเนินการตามเดิมและข้อตกลงจะต้องถูกพิจารณาอย่างครบถ้วนรอบด้าน
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) บอกจะชะลอเจรจา อธิบดีกรมเจรจาการค้าฯ ระบุว่า ไทยได้แจ้งยืนยันไปกับทางผู้แทนการค้าสหรัฐว่าเราจะยังคงเดินหน้าเจรจาต่อไป