svasdssvasds

Sayonara Tax ภาษีขาออก ที่ญี่ปุ่นใช้แก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้น

Sayonara Tax ภาษีขาออก ที่ญี่ปุ่นใช้แก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้น

จ่ายกันมาแล้วใช่ไหม 'Sayonara Tax' ภาษีที่ญี่ปุ่นเก็บจากนักท่องเที่ยว เพื่อนำไปแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง จากนี้เราอาจต้องจ่ายแพงขึ้น

SHORT CUT

  • ญี่ปุ่นเริ่มเก็บภาษีขาออก "ซาโยนาระ" 1,000 เยนต่อคนตั้งแต่ปี 2019 เพื่อนำรายได้มาพัฒนาการท่องเที่ยวและแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้น (overtourism)
  • พรรครัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาเสนอให้ขึ้นภาษีเป็น 3,000 เยน (และ 5,000 เยนสำหรับชั้นพรีเมียม) เพื่อรับมือกับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวที่มากเกินไป
  • รายได้จากภาษีถูกนำไปใช้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน อนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรองเพื่อกระจายความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว

จ่ายกันมาแล้วใช่ไหม 'Sayonara Tax' ภาษีที่ญี่ปุ่นเก็บจากนักท่องเที่ยว เพื่อนำไปแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง จากนี้เราอาจต้องจ่ายแพงขึ้น

ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา ญี่ปุ่นประกาศเก็บภาษีซาโยนาระ หรือ Sayonara Tax โดยเก็บเพิ่ม 1,000 เยนต่อคนต่อครั้ง ซึ่งเงินส่วนนี้จะถูกนำไปพัฒนาเมืองรอง ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว และช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เงินก้อนนี้ถูกใช้ไปกับปัญหานักท่องเที่ยวล้น (overtourism)

สำนักข่าว The Japan Times รายงานว่าในปีนี้ พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) กำลังพิจารณาและเสนอให้เพิ่มภาษีซาโยนาระ จาก 1,000 เยน เป็น 3,000 เยน และ 5,000 เยน สำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจและเฟิร์สคลาส นั่นแปลว่านักท่องเที่ยวอาจต้องจ่ายแพงขึ้น 600-1,000 บาทจากราคาตั๋ว

Credit ภาพ Reuters

ภาษีซาโยนาระถูกนำไปใช้ในด้านไหนบ้าง

  • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งระบบจองที่จอดด้วย AI ปรับปรุงป้ายบอกทางเป็นภาษาอังกฤษ ปรับปรุงการให้บริการเพื่อลดความแออัดในสนามบิน เป็นต้น
  • อนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว จัดการขยะมูลฝอยและมลพิษในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ออกกฎระเบียบหรือมาตรการจำกัดการเข้าถึงพื้นที่ที่เปราะบาง เป็นต้น
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เงินถูกใช้ไปกับการรณรงค์และส่งเสริมสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ชนบท เพื่อช่วยกระจายความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวออกจากเมืองหลัก

และอย่างที่กล่าวไป 1-2 ปีมานี้ ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหานักท่องเที่ยวล้น หรือ overtourism พลิกไปดูจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2567 อยู่ที่ 36.86 ล้านคน ทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ในปีนี้ แค่ช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) จำนวนนักท่องเที่ยวก็พุ่งไปแล้ว 31 ล้านคน

Credit Reuters

แม้จะสูบฉีดเม็ดเงินให้กับญี่ปุ่นเป็นเม็ดเงินมหาศาล สิ่งที่ตามมาคือเมื่อนักท่องเที่ยวมีมากเกินไปจนล้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชาวญี่ปุ่นมากมายเกินจะกล่าวให้ครบกันตรงนี้ แต่จะหยิบมาให้เห็นภาพ และเห็นถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

  • รถโดยสารประจำทาง/รถไฟเต็มตลอดเวลา โดยเฉพาะสายที่วิ่งไปสถานที่ยอดฮิต
  • นักท่องเที่ยวคุยกันเสียงดัง หรือเมาหัวราน้ำในย่านที่อยู่อาศัย รบกวนการนอนหลับ
  • ปริมาณขยะเพิ่มสูงขึ้นมากในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น ตามข้างทางหรือบริเวณจุดถ่ายภาพภูเขาไฟฟูจิ
  • มีรายงานว่า เกอิชา (Geisha) ในเกียวโตถูกนักท่องเที่ยวเข้ามารุมล้อม ถ่ายรูป และสัมผัสโดยไม่ได้รับอนุญาต จนทำให้เกิดการจำกัดพื้นที่และเพิ่มป้ายเตือน
  • ความต้องการที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตราค่าเช่าที่พักและราคาสินค้าบางชนิดในพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อค่าครองชีพของคนท้องถิ่น

ภายหลัง แต่ละเมืองจึงมีการออกมาตรการออกมาห้ามปรามนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎ เพื่อไม่ให้สถานที่ หรือย่านเกิดความวุ่นวาย และเงินที่ถูกเก็บจาก Sayonara Tax ก็จะถูกนำมาใช้ในเรื่องมาตรการ หรือรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น อันมีต้นตอมาจากนักท่องเที่ยวนั่นเอง

ดังนั้น ก็เป็นเรื่องที่แฟร์ดีหรือเปล่า ที่ทางการญี่ปุ่นเตรียมพิจารณาเก็บภาษีซาโยนาระเพิ่ม เพื่อนำไปจัดการกับปัญหาเหล่านี้ แม้เป็นเรื่องดีที่มีนักท่องเที่ยวหอบเงินมาประเคนให้เป็นจำนวนมหาศาล แต่การดูแลรักษาทรัพย์สมบัติ และผู้คนในชาติตัวเองก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้อย่างเด็ดขาด

 

ที่มา: The Japan Times

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related