svasdssvasds

หากอนาคตขึ้น VAT 1.5% กระทบคน-ธุรกิจ แต่..รัฐก็จำเป็นต้องหารายได้

หากอนาคตขึ้น VAT 1.5% กระทบคน-ธุรกิจ แต่..รัฐก็จำเป็นต้องหารายได้

รัฐบาลตั้งเป้าทยอยเพิ่ม VAT อีก 1.5% จาก 7% เป็น 8.5% และจะขยับอีก 1.5% ในปี 2573 ให้ครบ 10% หาก VAT เหรียญ2ด้าน กระทบคน-ธุรกิจ แต่รัฐยังบริหารประเทศงบประมาณขาดดุล

SHORT CUT

  • อนาคตหากการขึ้น VAT 1.5% จะทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับสูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ผู้มีรายได้น้อยอาจรู้สึกกระทบมากกว่า
  • โดยธุรกิจต้องปรับระบบภาษีและบัญชีให้สอดคล้องกับ VAT ใหม่ อาจเกิดต้นทุนเพิ่มเล็กน้อยและกระทบกำไรบางส่วน แต่ธุรกิจใหญ่ที่มีโครงสร้างพร้อมมักปรับตัวได้ง่ายกว่า
  • แต่..การเก็บ VAT เพิ่มเป็นเครื่องมือให้รัฐมีรายได้มากขึ้น เพื่อบริหารประเทศให้รายรับมากกว่ารายจ่าย ลดปัญหาขาดดุลงบประมาณ และสนับสนุนโครงการสาธารณะสำคัญ เช่น สาธารณสุข การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน

รัฐบาลตั้งเป้าทยอยเพิ่ม VAT อีก 1.5% จาก 7% เป็น 8.5% และจะขยับอีก 1.5% ในปี 2573 ให้ครบ 10% หาก VAT เหรียญ2ด้าน กระทบคน-ธุรกิจ แต่รัฐยังบริหารประเทศงบประมาณขาดดุล

ท่ามกลางแรงกดดันด้านการคลังที่สะสมมานาน จากการที่รัฐบาลไทยใช้งบประมาณแบบ “ขาดดุล” ติดต่อกันหลายปี คำถามสำคัญกำลังถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง หากประเทศไทยเดินหน้าปรับขึ้น VAT เป็น 1.5% ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และขยับสู่ระดับปกติ 10% เต็มรูปแบบในปี 2571 จะเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจไทย? การขยับเพียงตัวเลขไม่กี่เปอร์เซ็นต์อาจสั่นสะเทือนตั้งแต่ต้นทุนธุรกิจ รายได้ร้านค้าปลีก ไปจนถึงค่าครองชีพของประชาชนทั่วประเทศ ขณะเดียวกันก็เป็นกลไกสำคัญที่รัฐหวังจะใช้เพื่อเสริมฐานรายได้และรักษาวินัยการคลังในระยะยาว

อย่างเช่นล่าสุด รัฐบาลมีความพยายามในการเดินหน้าปรับโครงสร้างการคลังครั้งใหญ่ เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินการคลังในระยะปานกลาง โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ และการขยับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แบบค่อยเป็นค่อยไป ตั้งเป้าลดระดับการขาดดุลให้ไม่เกิน 3% ของ GDP ภายในปีงบประมาณ 2572 ตามกรอบการคลังระยะปานกลาง (MTFF) ปี 2570 – 2573

โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญคือการเตรียมปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยในปี 2571 รัฐบาลตั้งเป้าทยอยเพิ่ม VAT อีก 1.5% จาก 7% เป็น 8.5% และจะขยับอีก 1.5% ในปี 2573 ให้ครบ 10% โดยย้ำว่าจะจัดทำมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและภาคเศรษฐกิจควบคู่กัน เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น เรื่องนี้อาจมองเป็นเหรียญ 2 ด้าน ด้านที่หนึ่งคือจะกระทบต่อประชาชน และภาคธุรกิจ แต่ในทางกลับกันรัฐก็มีความจำเป็นที่ต้องหารายได้เพิ่มให้มากกว่ารายจ่าย เพราะที่ผ่านมารัฐยังบริหารประเทศแบบงบประมาณขาดดุลอยู่

แม้ว่าครม. เห็นชอบ “แผนการคลังระยะปานกลาง” และวาง 3 กฎเกณฑ์ใหม่ เพื่อคุมเข้มวินัยการคลัง รายจ่ายไม่เกิน 18% รายได้มากกว่า 15% ตั้งเป้าขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ในปี 2572 และหนี้สาธารณะยังคงยืนยันเพดานเดิมที่ 70% โดยในปี2568 ไทยมีหนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 64.82 ต่อ GDP

จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าหากรัฐบาลจะบริหารประเทศแบบเกินดุลจำเป็นอย่างยิ่งต้องลดหนี้สาธารณะลง และหารายได้เพิ่ม ดังนั้น การขึ้น VAT 1.5% และ ปี 2571 เต็ม 10% จึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่ม แต่..ในทางกลับกันหากปีนั้นเศรษฐกิจไม่ดีก็จะกระทบกับประชาชน และภาคธุรกิจได้เช่นกัน

วันนี้ #SPRiNG พาไปดูผลกระทบกับพี่น้องประชาชน และภาคธุรกิจ ว่ามีอะไรบ้าง ดังนี้

  • ผู้บริโภคทุกกลุ่ม

ต้องจ่ายแพงขึ้นเกือบทุกสินค้าและบริการ ที่อยู่ในระบบ VAT โดยเฉพาะ คนรายได้น้อย จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะค่าใช้จ่ายประจำวัน เช่น อาหารปรุงสำเร็จ ของใช้จำเป็น ค่าบริการต่าง ๆ จะมีราคาที่เพิ่มขึ้นตาม VAT ส่งผลให้ กำลังซื้อหดตัว และต้องระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

  • ต้นทุนดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น

แม้ว่า VAT จะเป็นภาษีที่ผู้บริโภคเป็นคนจ่าย แต่ ผู้ประกอบการต้องบริหารราคาขายและภาษีเข้า–ออกให้ถูกต้อง และมีโอกาสเกิดต้นทุนด้านระบบบัญชี/ระบบ POS เพิ่ม และความเสี่ยงผิดพลาดสูงขึ้นตามอัตรา VAT ที่สูงขึ้น

  • กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง

ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง ส่งผลให้ยอดขายบางธุรกิจชะลอตัว โดยกลุ่มที่กระทบมาก ร้านอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี ค้าปลีก เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าไม่จำเป็น

  • ธุรกิจที่แข่งขันสูง หรือราคาอ่อนไหว

ธุรกิจที่ลูกค้าตัดสินใจจากราคา เช่น สุกี้–ชาบู แฟชั่น ร้านสะดวกซื้อมีโอกาส แบกรับภาระแทนลูกค้า (absorbing cost) เพื่อคงยอดขาย ทำให้ กำไรลดลง

  • กระทบภาคท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวต้องจ่าย VAT เพิ่มในสินค้า/บริการในประเทศ แม้ไทยยังมีจุดได้เปรียบหลายด้าน แต่ ภาพรวมค่าใช้จ่ายอาจสูงขึ้น ส่งผลต่อการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว

  • กระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ และรถยนต์

ราคาบ้าน–คอนโด–รถยนต์ไวต่อ VAT มาก เพราะเป็นสินค้าราคาสูงการขึ้น VAT จะทำให้ราคารวมดีดขึ้นทันที ยอดจอง/ยอดซื้ออาจชะลอ ผู้ประกอบการต้องทำโปรโมชันหนักขึ้น หรือกดอัตรากำไรตัวเอง

ท้ายที่สุด การปรับขึ้น VAT อาจกลายเป็นบททดสอบใหญ่ของทั้งภาคธุรกิจและประชาชนว่าพร้อมแค่ไหนในการปรับตัวท่ามกลางต้นทุนที่ขยับสูงขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่อาจเป็นก้าวจำเป็นของรัฐบาลในการอุดช่องโหว่ทางการคลัง และสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงกว่าเดิมสำหรับอนาคตของประเทศ ความท้าทายจึงไม่ใช่เพียง “ขึ้นภาษีหรือไม่” แต่คือการบริหารแรงกระแทกทางเศรษฐกิจให้สมดุล ระหว่างการพยุงชีวิตผู้คน และการสร้างรากฐานทางการคลังที่ยั่งยืนในระยะยาวของประเทศไทยเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related