svasdssvasds

ย้อนเหตุการณ์ 'น้ำท่วมหาดใหญ่' อุทกภัยรุนแรงซ้ำ ความเสียหายครั้งใหญ่ที่ต้องเผชิญ

ย้อนเหตุการณ์ 'น้ำท่วมหาดใหญ่' อุทกภัยรุนแรงซ้ำ ความเสียหายครั้งใหญ่ที่ต้องเผชิญ

หาดใหญ่มีประวัติเผชิญอุทกภัยรุนแรงซ้ำหลายครั้ง โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน เหตุการณ์น้ำท่วมปี 2568 ถูกจัดเป็น "จุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ได้เอาชนะขีดความสามารถของระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่

SHORT CUT

  • อ.หาดใหญ่มีประวัติเผชิญอุทกภัยรุนแรงซ้ำหลายครั้ง โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในปี 2531, 2543 และ 2553 สร้างความเสียหายมหาศาล
  • หลังเหตุการณ์ปี 2553 ได้มีการพัฒนาโครงสร้างการระบายน้ำ เช่น คลองภูมินาถดำริ ซึ่งช่วยป้องกันน้ำท่วมใหญ่ได้นานเกือบทศวรรษ (ปี 2558-2564)
  • เหตุการณ์น้ำท่วมปี 2568 ถูกจัดเป็น "จุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ได้เอาชนะขีดความสามารถของระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่
  • สภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นทำให้โครงสร้างป้องกันน้ำท่วมในปัจจุบันของหาดใหญ่ไม่เพียงพอ และจำเป็นต้องมีการประเมินและพัฒนาระบบใหม่เพื่อรับมือกับภัยพิบัติในอนาคต

หาดใหญ่มีประวัติเผชิญอุทกภัยรุนแรงซ้ำหลายครั้ง โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน เหตุการณ์น้ำท่วมปี 2568 ถูกจัดเป็น "จุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ได้เอาชนะขีดความสามารถของระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่

อ.หาดใหญ่ เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่เผชิญกับอุทกภัยขนาดใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งมักอยู่ในเดือนพฤศจิกายน การย้อนดูสถิติและผลกระทบของน้ำท่วมใหญ่ในอดีตจนถึงเหตุการณ์ "จุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญในปี 2568 ทำให้เห็นถึงความท้าทายใหม่ที่เมืองนี้ต้องเผชิญ ภายใต้สภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประวัติศาสตร์ (ปี 2531-2553)

เมืองหาดใหญ่เคยผ่านบททดสอบด้านระบบจัดการน้ำมาแล้วหลายครั้ง โดยข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้บันทึกความเสียหายครั้งใหญ่ไว้ดังนี้

  • ปี 2531 : ถือเป็นน้ำท่วมใหญ่ครั้งแรกของยุคสมัยใหม่ที่เมืองหาดใหญ่ต้องเผชิญ โดยมีความเสียหายรวมประมาณ 4,000 ล้านบาท
  • ปี 2543 : ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เมือง ในครั้งนั้นมีปริมาณฝนสะสมแตะระดับ 497 มิลลิเมตร ทำให้พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเกินกว่า 320 ตารางกิโลเมตร มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 30 ราย และความเสียหายรวมมากกว่า 18,000 ล้านบาท
  • ปี 2553 : ระบบรับน้ำถูกทดสอบอย่างหนักอีกครั้ง โดยข้อมูลจากโครงการความร่วมมือด้านภูมิอากาศกับเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระบุว่าปริมาณฝนสะสมสูงถึง 428 มิลลิเมตร ส่งผลให้พื้นที่ในเขตเมืองหาดใหญ่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ถูกน้ำท่วม ครัวเรือนประมาณ 30,000 ครัวเรือน ต้องอพยพหรือได้รับผลกระทบ และความเสียหายมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท

 

ช่วงเวลาแห่งความเสถียรและการพัฒนาโครงสร้าง (ปี 2558-2564)

หลังเหตุการณ์ปี 2553 เมืองหาดใหญ่ได้มีการพัฒนาโครงสร้างการระบายน้ำอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการเดินหน้า โครงการคลองภูมินาถดำริ ซึ่งมีความสามารถผันน้ำสูงสุด 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่คลองอู่ตะเภา มีความสามารถประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

เมื่อโครงสร้างเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างเต็มศักยภาพ ทำให้ช่วงระหว่างปี 2558 ถึง 2564 เมืองหาดใหญ่ไม่มีน้ำท่วมขนาดใหญ่ที่สร้างผลกระทบวงกว้าง โดยเหตุการณ์ส่วนใหญ่เป็นเพียงน้ำรอระบายเป็นรายพื้นที่ ซึ่งสามารถคลี่คลายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง สถานการณ์ที่ดีขึ้นต่อเนื่องนี้ดำเนินมานานเกือบ 10 ปี

สัญญาณเตือนและจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ปี 2568

แม้จะมีช่วงเวลาเสถียรยาวนาน แต่ปริมาณฝนที่เข้มข้นขึ้นในช่วงปลายปีได้เริ่มส่งสัญญาณเตือน:

  • สัญญาณเตือนปี 2565: ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 กรมอุตุนิยมวิทยาบันทึกว่าอำเภอหาดใหญ่มีปริมาณฝนสูงสุดภายใน 24 ชั่วโมงถึง 401.5 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมเฉียบพลันในเขตเมืองหลายจุด มีครัวเรือนในจังหวัดสงขลากว่า 11,616 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ 

น้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2568 อุทกภัยครั้งสำคัญ

ระหว่างวันที่ 19 ถึง 21 พฤศจิกายน 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาบันทึกปริมาณฝนสะสมรวมสูงถึง 630 มิลลิเมตร ภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมง โดยวันที่ 21 พฤศจิกายน มีปริมาณฝนวันเดียวที่ 335 มิลลิเมตร

  • ปริมาณฝนที่ตกลงมานี้สูงกว่าความสามารถของทั้งคลองอู่ตะเภาและคลองภูมินาถดำริ ทำให้เกิดน้ำท่วมในระดับที่ผู้เชี่ยวชาญหลายสถาบันจัดว่าเป็น จุดเปลี่ยนของเมือง
  • รายงานระบุว่า การไหลของน้ำสอดคล้องกับงานวิจัยที่ระบุว่าหาดใหญ่รับมวลน้ำจาก 3 ทิศทาง พร้อมกัน ได้แก่ น้ำจากคลองต่ำและคลองวาดทางทิศตะวันออกในช่วงเช้า, น้ำจากพื้นที่สูงของนาหม่อมและคอหงส์ในช่วงบ่าย, และน้ำก้อนใหญ่จากคลองอู่ตะเภาในช่วงค่ำ การไหลมารวมกันภายในเวลาใกล้เคียงกันนี้ทำให้ระดับน้ำในเขตเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • เหตุการณ์ครั้งนี้มีรูปแบบคล้ายกับน้ำท่วมในปี 2543 แต่มีปริมาณน้ำสูงกว่าอย่างชัดเจน ส่งผลให้เฉพาะในอำเภอหาดใหญ่มีประชาชนได้รับผลกระทบถึง 243,778 คน หรือประมาณ 104,917 ครัวเรือน โดยมีความเสียหายเบื้องต้นประเมินมากกว่า 500 ล้านบาท

ภาระใหม่ของเมืองและการประเมินโครงสร้าง

การตรวจสอบหลังเหตุการณ์ปี 2568 พบว่าปริมาณฝนในช่วงเวลาดังกล่าว เกินขีดออกแบบ ของระบบช่องทางรับน้ำหลายเส้น ระบบผันน้ำทั้งคลองอู่ตะเภาและคลองภูมินาถดำริ ต้องรับน้ำจากลุ่มน้ำย่อย 3 ลุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำให้การระบายไม่ทันตามการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำจริง

นอกจากนี้ การขยายตัวของเมืองในช่วงสิบปีที่ผ่านมายังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ พื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติถูกลดทอนลง

เมื่อพิจารณาสถิติในช่วงสิบปี (2558-2568) จะเห็นว่าแม้หาดใหญ่จะมีช่วงเวลาที่สถานการณ์คงที่อยู่เป็นเวลานาน แต่ปริมาณฝนในปี 2565 และ 2568 ชี้ให้เห็นว่า ความเข้มของพายุและฝนมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในฤดูกาลปลายปี ข้อมูลจากหน่วยงานด้านน้ำและการจัดการภัยพิบัติชี้ชัดว่า ระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันต้องรับภาระเกินกว่าที่ออกแบบไว้ในอดีต

ดังนั้น เมืองหาดใหญ่จึงต้องประเมินโครงสร้างการจัดการน้ำใหม่เพื่อรองรับสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านพื้นที่รับน้ำ, อุโมงค์ผันน้ำ, และการฟื้นฟูเส้นทางระบายน้ำเดิมที่ถูกลดทอนจากการขยายตัวของเมือง

ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM , สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์

related