
SHORT CUT
หาดใหญ่มีประวัติเผชิญอุทกภัยรุนแรงซ้ำหลายครั้ง โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน เหตุการณ์น้ำท่วมปี 2568 ถูกจัดเป็น "จุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์ได้เอาชนะขีดความสามารถของระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่
อ.หาดใหญ่ เป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่เผชิญกับอุทกภัยขนาดใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งมักอยู่ในเดือนพฤศจิกายน การย้อนดูสถิติและผลกระทบของน้ำท่วมใหญ่ในอดีตจนถึงเหตุการณ์ "จุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญในปี 2568 ทำให้เห็นถึงความท้าทายใหม่ที่เมืองนี้ต้องเผชิญ ภายใต้สภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมืองหาดใหญ่เคยผ่านบททดสอบด้านระบบจัดการน้ำมาแล้วหลายครั้ง โดยข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้บันทึกความเสียหายครั้งใหญ่ไว้ดังนี้
หลังเหตุการณ์ปี 2553 เมืองหาดใหญ่ได้มีการพัฒนาโครงสร้างการระบายน้ำอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการเดินหน้า โครงการคลองภูมินาถดำริ ซึ่งมีความสามารถผันน้ำสูงสุด 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่คลองอู่ตะเภา มีความสามารถประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เมื่อโครงสร้างเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างเต็มศักยภาพ ทำให้ช่วงระหว่างปี 2558 ถึง 2564 เมืองหาดใหญ่ไม่มีน้ำท่วมขนาดใหญ่ที่สร้างผลกระทบวงกว้าง โดยเหตุการณ์ส่วนใหญ่เป็นเพียงน้ำรอระบายเป็นรายพื้นที่ ซึ่งสามารถคลี่คลายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง สถานการณ์ที่ดีขึ้นต่อเนื่องนี้ดำเนินมานานเกือบ 10 ปี
แม้จะมีช่วงเวลาเสถียรยาวนาน แต่ปริมาณฝนที่เข้มข้นขึ้นในช่วงปลายปีได้เริ่มส่งสัญญาณเตือน:
ระหว่างวันที่ 19 ถึง 21 พฤศจิกายน 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาบันทึกปริมาณฝนสะสมรวมสูงถึง 630 มิลลิเมตร ภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมง โดยวันที่ 21 พฤศจิกายน มีปริมาณฝนวันเดียวที่ 335 มิลลิเมตร
การตรวจสอบหลังเหตุการณ์ปี 2568 พบว่าปริมาณฝนในช่วงเวลาดังกล่าว เกินขีดออกแบบ ของระบบช่องทางรับน้ำหลายเส้น ระบบผันน้ำทั้งคลองอู่ตะเภาและคลองภูมินาถดำริ ต้องรับน้ำจากลุ่มน้ำย่อย 3 ลุ่มพร้อมกัน ซึ่งทำให้การระบายไม่ทันตามการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำจริง
นอกจากนี้ การขยายตัวของเมืองในช่วงสิบปีที่ผ่านมายังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ พื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติถูกลดทอนลง
เมื่อพิจารณาสถิติในช่วงสิบปี (2558-2568) จะเห็นว่าแม้หาดใหญ่จะมีช่วงเวลาที่สถานการณ์คงที่อยู่เป็นเวลานาน แต่ปริมาณฝนในปี 2565 และ 2568 ชี้ให้เห็นว่า ความเข้มของพายุและฝนมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในฤดูกาลปลายปี ข้อมูลจากหน่วยงานด้านน้ำและการจัดการภัยพิบัติชี้ชัดว่า ระบบที่มีอยู่ในปัจจุบันต้องรับภาระเกินกว่าที่ออกแบบไว้ในอดีต
ดังนั้น เมืองหาดใหญ่จึงต้องประเมินโครงสร้างการจัดการน้ำใหม่เพื่อรองรับสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านพื้นที่รับน้ำ, อุโมงค์ผันน้ำ, และการฟื้นฟูเส้นทางระบายน้ำเดิมที่ถูกลดทอนจากการขยายตัวของเมือง
ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM , สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์