svasdssvasds

ศาสนาอิสลาม อนุญาตให้กินหมูได้ เมื่อเกิดภัยพิบัติ เพื่อเอาชีวิตรอด

ศาสนาอิสลาม อนุญาตให้กินหมูได้ เมื่อเกิดภัยพิบัติ เพื่อเอาชีวิตรอด

ศาสนาอิสลามห้ามการบริโภคหมูซึ่งเป็นอาหารต้องห้าม (ฮารอม) อย่างเด็ดขาด มีข้อยกเว้นในภาวะภัยพิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่อนุญาตให้บริโภคสิ่งที่ต้องห้ามได้เพื่อรักษาชีวิตเป็นสำคัญที่สุด

SHORT CUT

  • โดยหลักการแล้ว ศาสนาอิสลามห้ามการบริโภคหมูซึ่งเป็นอาหารต้องห้าม (ฮารอม) อย่างเด็ดขาด
  • มีข้อยกเว้นใน "ภาวะอุกฤษฏ์" เช่น ภัยพิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่อนุญาตให้บริโภคสิ่งที่ต้องห้ามได้เพื่อรักษาชีวิตเป็นสำคัญที่สุด
  • การอนุญาตให้กินหมูได้นั้นมีเงื่อนไข คือต้องอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงถึงชีวิต ไม่มีอาหารฮาลาลอื่น และกินได้แค่เพียงพอให้รอดชีวิตเท่านั้น ไม่ใช่เพราะความอยากหรือความสะดวก

ศาสนาอิสลามห้ามการบริโภคหมูซึ่งเป็นอาหารต้องห้าม (ฮารอม) อย่างเด็ดขาด มีข้อยกเว้นในภาวะภัยพิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่อนุญาตให้บริโภคสิ่งที่ต้องห้ามได้เพื่อรักษาชีวิตเป็นสำคัญที่สุด

ในศาสนาอิสลาม คำว่า "ฮาลาล" (Halal) หมายถึง สิ่งที่ได้รับอนุญาตหรือถูกต้องตามหลักการศาสนา ซึ่งตรงกันข้ามกับ "ฮารอม" ที่หมายถึงสิ่งต้องห้าม การบริโภคอาหารในอิสลามมีหลักการแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ

  • อาหารฮาลาล คืออาหารที่ได้รับอนุญาตให้บริโภคได้ตามบทบัญญัติอิสลาม
  • อาหารฮารอม คืออาหารที่ถูกห้ามอย่างเด็ดขาด ไม่สามารถบริโภคได้
  • อาหารมัชบูฮฺ เป็นอาหารที่ยังมีความคลุมเครือหรือไม่แน่ชัดว่าฮาลาลหรือฮารอม จนกว่าจะมีการตรวจสอบและวินิจฉัยอย่างชัดเจน ตามหลักการแล้ว เราควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้เพื่อความปลอดภัยทางศาสนา

บทบัญญัติอิสลามที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของมนุษย์มี 5 ประการ ซึ่งอาหารฮาลาลก็เป็นส่วนหนึ่งของ "วาญิบ" หรือสิ่งที่บังคับให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด การเลือกรับประทานอาหารฮาลาลจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความชอบ แต่เป็นข้อบังคับทางศาสนาที่มุสลิมต้องปฏิบัติตาม

มุสลิมสามารถ 'กินหมู' ได้หรือไม่ในสถานการณ์วิกฤต?

ในศาสนาอิสลาม การบริโภคหมูถือเป็นสิ่งที่ต้องห้าม หรือ “ฮารอม” อย่างชัดเจนตามคัมภีร์อัลกุรอาน แต่มีกรณีที่ศาสนาอนุญาตให้ยืดหยุ่นได้ภายใต้สถานการณ์พิเศษ เช่น ภัยพิบัติหรือยามฉุกเฉิน โดยมีหลักการสำคัญที่เรียกว่า "ภาวะอุกฤษฏ์" เพื่อให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตเป็นอันดับแรก

หลักการสำคัญในศาสนาอิสลามที่อนุญาตให้ละเมิดข้อห้ามในสถานการณ์ที่มีความจำเป็นสูงสุด 

  • การบริโภคเนื้อซากสัตว์ที่ตายเอง: อนุญาตให้บริโภคเนื้อซากสัตว์ที่ตายเองได้เมื่อไม่มีอาหารอื่นและความหิวเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • การพูดคำปฏิเสธศาสนา: อนุญาตให้พูดคำปฏิเสธศาสนาในกรณีที่ถูกทรมานหรือบังคับ
  • การป้องกันตัวจากการโจมตี: อนุญาตให้ใช้ความรุนแรงเพื่อป้องกันตัวจากผู้ที่ทำร้ายหรือเป็นอันตราย ถึงแม้ว่าจะต้องฆ่าผู้กระทำความผิดก็ตาม

หลักการนี้ช่วยให้เข้าใจว่าความจำเป็นสามารถทำให้มีข้อยกเว้นจากข้อห้ามในสถานการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือหรือความปลอดภัยของชีวิต

แม้ว่าศาสนาอิสลามจะเข้มงวดในสิ่งที่ฮารอม แต่ในยามที่มุสลิมตกอยู่ในสภาวะจำเป็น ศาสนาอิสลามก็ได้อนุญาตให้มุสลิมกินอาหารที่ต้องห้ามได้ในจำนวนที่เพียงพอเพื่อให้ตัวเองสามารถประทังชีวิตอยู่ได้ ดังที่อัลเลาะห์กล่าวว่า

ถ้าหากผู้ใดตกอยู่ที่คับขัน มิใช่เจตนาขัดขืนและไม่ใช่ละเมิด ดังนั้นไม่มีบาปแก่เขา แท้จริง อัลเลาะห์ เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ (กุรอาน 2:173)

หากไม่กิน จะทำให้ตายหรือเจ็บหนักทันทีในสถานการณ์แบบนี้ อิสลามอนุญาตให้ 'กินเท่าที่พอให้รอดชีวิตเท่านั้น” ไม่ใช่กินเพราะอยากกิน หรือกินจนเกินความจำเป็น

กรณีต่อไปนี้ 'ไม่ถือว่าจำเป็น'

  • กินเพราะหิวแต่ยังมีอาหารอย่างอื่น
  • กินเพราะอยากลอง
  • กินเพราะสะดวกกว่า
  • กินเพราะอยู่กับเพื่อนแล้วเกรงใจ

การกินหมูอนุญาตเฉพาะยามชีวิตตกอยู่ในอันตราย และไม่มีอาหารฮาลาลเหลือเลย ทั้งหมดนี้เพื่อรักษาชีวิต ไม่ใช่เพื่อความอยากหรือความสะดวก และต้องกินแค่พอรอดเท่านั้น

ในยามวิกฤต เช่น น้ำท่วม ขาดแคลน ไม่สามารถเข้าถึงอาหารฮาลาลหรือความปลอดภัย อิสลามจึงมีข้อยกเว้น เพื่อให้มนุษย์ รักษาชีวิตก่อน แม้สิ่งนั้นโดยปกติจะเป็นของต้องห้าม

ที่มา : ล่ามพระยา MuslimJourneysamanloh

related