
SHORT CUT
ศาสนาอิสลามห้ามการบริโภคหมูซึ่งเป็นอาหารต้องห้าม (ฮารอม) อย่างเด็ดขาด มีข้อยกเว้นในภาวะภัยพิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่อนุญาตให้บริโภคสิ่งที่ต้องห้ามได้เพื่อรักษาชีวิตเป็นสำคัญที่สุด
ในศาสนาอิสลาม คำว่า "ฮาลาล" (Halal) หมายถึง สิ่งที่ได้รับอนุญาตหรือถูกต้องตามหลักการศาสนา ซึ่งตรงกันข้ามกับ "ฮารอม" ที่หมายถึงสิ่งต้องห้าม การบริโภคอาหารในอิสลามมีหลักการแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ
บทบัญญัติอิสลามที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของมนุษย์มี 5 ประการ ซึ่งอาหารฮาลาลก็เป็นส่วนหนึ่งของ "วาญิบ" หรือสิ่งที่บังคับให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด การเลือกรับประทานอาหารฮาลาลจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความชอบ แต่เป็นข้อบังคับทางศาสนาที่มุสลิมต้องปฏิบัติตาม
ในศาสนาอิสลาม การบริโภคหมูถือเป็นสิ่งที่ต้องห้าม หรือ “ฮารอม” อย่างชัดเจนตามคัมภีร์อัลกุรอาน แต่มีกรณีที่ศาสนาอนุญาตให้ยืดหยุ่นได้ภายใต้สถานการณ์พิเศษ เช่น ภัยพิบัติหรือยามฉุกเฉิน โดยมีหลักการสำคัญที่เรียกว่า "ภาวะอุกฤษฏ์" เพื่อให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตเป็นอันดับแรก
หลักการนี้ช่วยให้เข้าใจว่าความจำเป็นสามารถทำให้มีข้อยกเว้นจากข้อห้ามในสถานการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือหรือความปลอดภัยของชีวิต
แม้ว่าศาสนาอิสลามจะเข้มงวดในสิ่งที่ฮารอม แต่ในยามที่มุสลิมตกอยู่ในสภาวะจำเป็น ศาสนาอิสลามก็ได้อนุญาตให้มุสลิมกินอาหารที่ต้องห้ามได้ในจำนวนที่เพียงพอเพื่อให้ตัวเองสามารถประทังชีวิตอยู่ได้ ดังที่อัลเลาะห์กล่าวว่า
ถ้าหากผู้ใดตกอยู่ที่คับขัน มิใช่เจตนาขัดขืนและไม่ใช่ละเมิด ดังนั้นไม่มีบาปแก่เขา แท้จริง อัลเลาะห์ เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ (กุรอาน 2:173)
หากไม่กิน จะทำให้ตายหรือเจ็บหนักทันทีในสถานการณ์แบบนี้ อิสลามอนุญาตให้ 'กินเท่าที่พอให้รอดชีวิตเท่านั้น” ไม่ใช่กินเพราะอยากกิน หรือกินจนเกินความจำเป็น
การกินหมูอนุญาตเฉพาะยามชีวิตตกอยู่ในอันตราย และไม่มีอาหารฮาลาลเหลือเลย ทั้งหมดนี้เพื่อรักษาชีวิต ไม่ใช่เพื่อความอยากหรือความสะดวก และต้องกินแค่พอรอดเท่านั้น
ในยามวิกฤต เช่น น้ำท่วม ขาดแคลน ไม่สามารถเข้าถึงอาหารฮาลาลหรือความปลอดภัย อิสลามจึงมีข้อยกเว้น เพื่อให้มนุษย์ รักษาชีวิตก่อน แม้สิ่งนั้นโดยปกติจะเป็นของต้องห้าม
ที่มา : ล่ามพระยา MuslimJourney , samanloh