
SHORT CUT
กองทัพเรือเปิดปฏิบัติการทางทหารเพื่อขับไล่กำลังทหารกัมพูชาออกจากดินแดนไทย หลังพบหลักฐานมารุกล้ำอธิปไตยไทยอีกครั้งบริเวณชายแดน จ.ตราด โดยตั้งฐานปฏิบัติการและเสริมกำลังรบเพิ่มเติม
สถานการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ซึ่งปรากฏชัดเจนจากภาพถ่ายทางอากาศล่าสุดว่ามีกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในเขตอธิปไตยของไทยอีกภายหลังที่บ้าน 3 หลัง ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวรและฐานที่มั่นของฝ่ายทหารกัมพูชาได้ถูกรื้อทำลาย รวมทั้งทหารกัมพูชาได้ถอนกำลังไปแล้วอย่างไรก็ตาม กองกำลังทหารกัมพูชาได้ย้อนกลับมารุกล้ำอธิปไตยอีก รวมทั้งมีการเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงว่ากรณีนี้ ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามหลักสากลจากเบาไปหาหนัก ทั้งการประสานแจ้งเตือน และการเจรจากับฝ่ายกัมพูชาในทุกระดับ เพื่อให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ของฝ่ายไทยโดยเร็ว
แม้ฝ่ายไทยจะใช้ความอดกลั้นและดำเนินการเจรจามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากกำลังทหารกัมพูชาจะไม่ถอนกำลังออกจากดินแดนของไทยแล้ว ยังมีการเสริมกำลังเพิ่มเติม เช่น ชุดรบพิเศษ พลซุ่มยิง จรวดหลายลำกล้อง รวมถึงปรับปรุงฐานที่มั่นสิ่งอำนวยความสะดวกทางยุทธวิธีในลักษณะที่กระทบต่ออธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน เช่น การขุดคูเลต การติดตั้งอาวุธหนัก และการใช้อากาศยานไร้คนขับเข้ามาลาดตระเวนในพื้นที่และที่ตั้งทางทหารของฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางกองทัพเรือพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นท่าทีที่แสดงถึงการคุกคามต่ออธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน
ดังนั้น เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ กองทัพเรือและหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อขับไล่กำลังทหารกัมพูชาออกจากดินแดนอธิปไตยของไทย ตามหลักการป้องกันตนเองสากล (Right of Self-Defence) และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยยังคงยึดมั่นในหลักการใช้กำลังตามความจำเป็นและได้สัดส่วน เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดและหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่อาจจะลุกลาม
กองทัพเรือขอยืนยันว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของศูนย์บัญชาการทางทหารและ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติเป็นสำคัญ พร้อมทั้งยืนยันว่าไทยจะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตยหรือการกระทำใดๆ ที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศอย่างเด็ดขาด
กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงผลการปฏิบัติทางทหารในการโจมตีเป้าหมายภายในขอบเขตเส้นปฏิบัติการ หรือ Line of Operation ที่เป็นภัยคุกคาม โดยภารกิจทั้งหมดถูกวางแผนและดำเนินการภายใต้หลักการปฏิบัติด้านความมั่นคงและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด พร้อมให้ความสำคัญสูงสุดต่อการป้องกันผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ
โดยในวันที่ 8 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2 ได้ตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของไทย รวมทั้งต่อความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ชายแดน จากการตรวจสอบข้อมูลทางยุทธการพบว่า ฝ่ายกัมพูชา มีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์หนัก การจัดกำลังทำการรบ และการเตรียมการยิงสนับสนุน ซึ่งอาจมีลักษณะที่คุกคามเสถียรภาพและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน จึงนำไปสู่การปฏิบัติทางทหาร เพื่อยับยั้ง และทำลายให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางทหาร ในระดับที่จำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่
โดยคาดว่าในห้วงเวลากลางคืนฝ่ายกัมพูชาอาจมีการใช้อาวุธจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ยิงต่อประชาชนพลเรือน เพ่งเล็งพื้นที่เดิมที่เคยถูกยิง ทำลาย เพื่อสร้างความสับสนให้กับสนามรบ
วันนี้ (9 ธันวาคม 2568) กองทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุข้อความว่า
"BM-21 มาตามนัด เริ่มมีการปฏิบัติทางทหาร พื้นที่ซำแต, ภูผี, ช่องตาเฒ่า, และปราสาทตาควาย กัมพูชาจะถ่ายภาพทุกอย่าง เพื่อฟ้องชาวโลก
ที่มา : โฆษกกองทัพเรือ Naval Spokesperson , กองทัพภาคที่ 2
ข่าวที่เกี่ยวข้อง