svasdssvasds

10 ที่สุดคอร์รัปชันปี 68 ปีแห่งการ "โกงเป็นเครือข่าย" สร้างภาระประเทศ

10 ที่สุดคอร์รัปชันปี 68 ปีแห่งการ "โกงเป็นเครือข่าย" สร้างภาระประเทศ

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) ประกาศ 10 ข่าวคอร์รัปชันแห่งปี 2568 ชี้เป็นปีแห่งการ "โกงเป็นเครือข่าย" ทั้งอาคาร สตง. ถล่ม , ทุจริตในวงการสงฆ์ , เครือข่ายสแกมเมอร์หมื่นล้าน

SHORT CUT

  • องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) สรุปภาพรวมปี 2568 ว่าเป็นปีแห่งการ "โกงเป็นเครือข่าย" ซึ่งการทุจริตได้แพร่กระจายครอบคลุมทุกวงการ สร้างภาระและความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศ
  • มีการเปิดเผย 10 ข่าวคอร์รัปชันเด่นแห่งปี ซึ่งสะท้อนปัญหาในหลายมิติ เช่น เครือข่ายสแกมเมอร์หมื่นล้านที่เชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่รัฐ, อดีต ผบ.ตร. รับส่วยเว็บพนัน, การทุจริตในวงการสงฆ์ และการใช้งบประมาณโดยมิชอบของนักการเมือง
  • การทุจริตที่เกิดขึ้นได้บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติรัฐอย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเพื่อไม่เลือกคนโกงเข้ามาบริหารประเทศ

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) ประกาศ 10 ข่าวคอร์รัปชันแห่งปี 2568 ชี้เป็นปีแห่งการ "โกงเป็นเครือข่าย" ทั้งอาคาร สตง. ถล่ม , ทุจริตในวงการสงฆ์ , เครือข่ายสแกมเมอร์หมื่นล้าน

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เปิดเผย 10 ข่าวคอร์รัปชันแห่งปี 2568 ผลกระทบ และสิ่งที่ควรไปต่อในปี 2569 โดยระบุว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ชวนสังคมทบทวนผลกระทบจากการโกงกินแผ่นดินกันเป็น “เครือข่าย” ครอบคลุมทุกวงการผ่าน “10 ข่าวคอร์รัปชันแห่งปี 2568” จับตา “3 กรณีใหญ่ 6 เรื่องร้อน” ที่จ่อคิวรอพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมและหลักนิติรัฐไทย พร้อมฝากความหวังไว้กับ “เลือกตั้งใหม่” ทั้ง “อบต.-สส.” ใช้ 1 สิทธิที่มีไม่เอาคนโกง

ปี 2568 เป็นปีแห่งการ “โกงเป็นเครือข่าย” มีหลายเหตุการณ์ที่นักการเมืองและชนชั้นนำได้กระทำเรื่องผิดความคาดหวังของสังคมอย่างไม่เกรงกลัวใคร ไม่สนใจจริยธรรม ขณะที่ สว. และกรรมการองค์กรอิสระฯ จำนวนมากกลายเป็นภาระของบ้านเมือง จนการต่อต้านคอร์รัปชันเป็นเรื่องยาก ฉุดรั้งนิติรัฐ และสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง 

10 ข่าวคอร์รัปชันแห่งปี 2568

  1. อาคาร สตง. ถล่ม คอร์รัปชันที่ทำให้คนตายมากถึง 86 คน เสียหายกว่า 2 พันล้านบาท แต่ไม่ปรากฏตัวคนบงการ และสาเหตุที่ตึกถล่มอย่างแท้จริง เพราะรายงานการสอบสวนอย่างเป็นทางการถูกปกปิดอยู่ในลิ้นชักของ ป.ป.ช. และรัฐบาล นำไปสู่การตั้งคำถามถึงมาตรฐานความปลอดภัยของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย และการประเมิน ITA โดย ป.ป.ช. ว่าเชื่อถือได้เพียงใด

  2. วงการสงฆ์ เกิดวิกฤติ “ศรัทธา และความไว้วางใจ” หลังปรากฏข่าวพระระดับเจ้าคุณหลายรูปโกงเงินวัด เฉพาะกรณีสีกากอล์ฟ มีมากถึง 13 ราย ในห้วงเวลา 3 ปีที่ตรวจสอบมีความเสียหายราว 385 ล้านบาท พฤติกรรมโกงเงิน โกงศรัทธาสาธุชน ยังถูกแฉต่อเนื่องถึงพระชื่อดังอื่น เช่น ข่าวพระอลงกต และอีก 181 ราย ที่ตำรวจสอบสวนกลางปูพรมไล่จับ

   3. การยึด และอายัดทรัพย์ 3 เครือข่ายสแกมเมอร์กว่าหมื่นล้านบาท มีชื่อที่ถูกตั้งข้อสงสัยโดยรัฐบาล และ ป.ป.ง. คือ “ยิม เลียก - เบน สมิธ - ก๊ก อาน และ เฉิน จื้อ” แต่ที่สะกิดใจสังคมมากคือ ข่าว และภาพถ่ายของคนดังที่ปรากฏสู่สังคมต่อเนื่องว่าพวกเขาเกี่ยวข้องได้เสียกันขนาดไหนเรื่องนี้ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกันระหว่าง “ส่วยสินบนของตำรวจ นักการเมือง นักธุรกิจไทย กับเครือข่ายทุนเทาระดับโลก” ที่ครอบงำอำนาจรัฐ จนสร้างความเดือดร้อนแก่คนไทยถึง 115,300 ล้านบาทต่อปี ท่ามกลางกลไกตรวจสอบของรัฐที่อ่อนแอ เลือกปฏิบัติ เต็มไปด้วยความลับ แต่พร้อมจะเล่นงานใครก็ตามที่คิดจะเปิดโปง

   4. รพ.ทหารผ่านศึก ถูกเปิดโปงการขบวนการทุจริตยาที่ทำมานาน 7 ปี มีหมอ และผู้ร่วมขบวนการกว่า 20 คน สร้างความเสียหายราว 80 ล้านบาท ถูกเปิดโปงโดยหญิง “ผู้กล้า” ที่สละเวลาสองปีในการสืบสาวข้อมูล การทุจริตยายังถูกแฉซ้ำด้วยข่าวของหมอตำรวจหรือหมอแอร์ค้ายาเสียสาว และข่าวหมอทหารฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปลอมให้คนไข้ การคดโกงในโรงพยาบาลที่เกิดขึ้นทั่วไปมายาวนาน จนกระทบต่อคุณภาพการให้บริการระบบบัตรทอง และ 30 บาทรักษาทุกโรค และโรงพยาบาลของรัฐจำนวนมากกำลังขาดเงินหมุนเวียน

   5. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยคนแรกที่ติดคุกจริง หลังติดคุกทิพย์เป็นเวลานานโดยอาศัย “ขบวนการบิดเบือนกฎหมาย และความจริง” ด้วยนักการเมืองร่วมกับบางคนในกรมราชทัณฑ์ และหมอในโรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งมีการพิสูจน์ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่นำไปสู่คำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองการเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง และบิดเบือนการบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้ ได้ทำลายความเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของไทยในสายตานานาชาติ และสังคมไทย

   6. อดีต ผบ.ตร. โดนข้อกล่าวหารับส่วยเว็บพนัน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมพวกกว่า 200 นาย ถูกคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) มีมติชี้มูลความผิดทางวินัย ข้อหารับเงินจากขบวนการส่วยเว็บพนันออนไลน์ นับเป็นข่าวมัวหมองที่สุดของวงการตำรวจในรอบปี จนเกิดคำถามว่า “แล้วประชาชนจะพึ่งใคร?” เมื่อความไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรมสั่นคลอน ความมั่นใจในการใช้ชีวิตอย่างมั่นคง ปลอดภัยของผู้คนย่อมเสื่อมลงไปเช่นกัน

   7. พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาผู้แทน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพ้นจากตำแหน่ง เพราะ “ทำผิดรัฐธรรมนูญ” จากการเสนองบประมาณโครงการที่มีลักษณะเป็นการจัดงบ เพื่อลงพื้นที่ตัวเอง เข้าข่ายมีส่วนได้เสียในการใช้งบประมาณมูลค่า 443 ล้านบาท ในปี 2568 พฤติกรรมเช่นนี้เป็นเรื่องปกติของรัฐสภาไทย เพียงแต่ไม่ถูกเปิดเผย และเป็นคดี ทำให้งบประมาณกระจุกตัวในพื้นที่ของนักการเมืองบางคน สร้างความไม่เป็นธรรมแก่คนไทยทั้งประเทศ

   8. สำนักงานประกันสังคม กับข่าวฉาวในการจัดทำปฏิทินปีละ 50 ล้านบาท ซื้อตึกเก่า 7 พันล้านบาท แพงกว่าราคาตลาดเท่าตัว จ้างทำแอปพลิเคชันแพงเวอร์มูลค่า 850 ล้านบาท และที่ลืมไม่ได้คือ ความพยายามขาย “หุ้นบางจาก” ให้กับบริษัท ชาเตอร์ กรุ๊ป จนตกเป็นข่าวอื้อฉาวอย่าลืมว่า ความมั่นคง และทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงของสำนักงานประกันสังคม คือ หลักประกันในชีวิต และสุขภาพของประชาชนกว่า 24.8 ล้านคน ที่ควักเงินจ่ายคนละ 750 บาทต่อเดือน

   9. ห้องลับในเรือนจำ เพื่อบริการนักโทษ VVIP ตามบงการของ ผบ.เรือนจำ ข่าวนี้ตอกย้ำอีกครั้งว่าเรือนจำว่าแทบทุกแห่งเต็มไปด้วยการ “โกงเงินหลวง” และ “รับส่วยสินบนจากนักโทษ” เพื่อสิทธิพิเศษ ที่ใครๆ ก็รู้ แต่ผู้มีอำนาจต่างช่วยกันปฏิเสธตลอดมา เช่น เลื่อนชั้นนักโทษ ย้ายเข้าโรงพยาบาลทั้งที่ไม่ป่วยจริง ทุจริตค่าอาหาร การก่อสร้าง ฯลฯ

   10. เจ้าหน้าที่รัฐเก็บส่วย/รับสินบน/รีดไถ/โกงหลวง ผลงานหลายสิบคดีที่เกิดขึ้นได้สะท้อนถึงความละโมบไม่เกรงกลัวกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น จับนักการเมืองท้องถิ่น ผู้มีอิทธิพลบุกรุกป่า พระชั้นผู้ใหญ่โกงเงินวัด เป็นต้น ดังนั้นการจับสดจึงเป็นก้าวใหม่ของความร่วมมือระหว่างตำรวจ ป.ป.ป., ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ที่คนไทยขอปรบมือให้

ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวอีกว่า ตลอดปี 2568 ยังปรากฏข่าวที่น่าเป็นห่วงถึงอนาคตของชาติว่าจะเดินต่อไปอย่างไร? ประกอบด้วย เรื่องแรก การปล่อยผีสองคดีสินบนข้ามชาติ คือ คดีสวนปาล์มที่อินโดนีเซีย และคดีสินบนโรลส์-รอยซ์ ใน ปตท. อีกคดีดังคือ คดีฮั้วประมูลสร้างโรงพักทั่วประเทศ 6 พันล้านบาท ทั้งหมดนี้เอาผิดผู้บงการไม่ได้เลย

เรื่องที่สอง ศึกเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. เป็นพฤติกรรมชัดแจ้งในการใช้อำนาจของหน่วยงานรัฐ และข้าราชการ มาเป็นเครื่องต่อรอง ทำลายล้างทางการเมือง จนหลักนิติรัฐของไทยตกต่ำ

เรื่องที่สาม ความพยายามแก้สัญญาสัมปทานร้านค้าดิวตี้ฟรี และสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นเรื่องน่ากังขาว่า อะไรสำคัญกว่ากันระหว่างผลประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ทางธุรกิจของพวกพ้อง กฎหมาย และธรรมาภิบาลในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐคือ อะไรกันแน่ ทั้งสองโครงการจะเป็นเครื่องพิสูจน์ศักดิ์ศรีของไทยในสายตานานาชาติ

ปิดท้ายด้วยข่าวการเมืองการเลือกตั้งในรอบปี เริ่มจากวาทะดังออกสื่อของผู้ชนะเลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี ว่า “ชาวบ้านชอบกินหญ้าหวาน” อย่างไม่ละอายใจน่าอดสูอย่างยิ่ง และอีกปรากฏการณ์ที่ต้องจับตาว่า คนไทยตื่นตัวเพียงใดในการเลือกตั้ง สส. ทั่วไปที่จะมาถึงนี้ คือ เราจะต่อต้านพวกใช้เงินสกปรกจากธุรกิจผิดกฎหมาย และทุนเทา มาซื้อเสียง ซื้อตัวนักการเมือง ได้อย่างไร? หากหยุดไม่ได้คนโกงจะแปลงร่างเป็นนักการเมืองเข้าปกครองประเทศอย่างแน่นอน

“ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า ข่าวการยึด และอายัดทรัพย์ 3 เครือข่ายสแกมเมอร์กว่าหมื่นล้านบาท ของวงการธุรกิจผิดกฎหมายพวกฟอกเงินนั้นได้สร้างผลกระทบต่อสังคมในระดับโครงสร้าง เพราะเข้าไปเชื่อมต่อผลประโยชน์กับคนหลากหลายกลุ่ม และเอื้อประโยชน์ให้เกิดทุนเทาเข้าไปบั่นทอนกลไกการเมือง และไหลลามต่อกลไกเศรษฐกิจ ท้ายที่สุดย่อมส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน” นายมานะ กล่าว

นายมานะ กล่าวด้วยว่า ในการเลือกตั้ง อบต. วันที่ 11 มกราคม และเลือกตั้ง สส. ทั่วประเทศ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ขอให้คนไทยมาทำให้ 1 สิทธิที่มีเป็น “1 สิทธิพลิกชีวิตมหาศาล” เลือกคนเก่ง คนดี เข้ามาทำงานรับใช้บ้านเมือง หยุดเลือกตั้งแบบเดิมๆ ที่กากบาทให้คนซื้อเสียง คนของบ้านใหญ่นักการเมือง ผู้มีอิทธิพล คนที่มีประวัติคดโกงทำมาหากินผิดกฎหมาย

ที่มา : องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน 

related