
การเดินทางข้ามเวลาทำได้นะ...เราทุกคนสามารถฉลองปีใหม่สองครั้ง ในวันสิ้นปี โดยการบินเครื่องบินขึ้นในปี 2026 แต่ลงจอดในปี 2025 ข้ามไทม์โซน
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังนับถอยหลัง เคาท์ดาวน์ เพื่อก้าวเข้าสู่ปี 2026 พร้อมกับเสียงพลุเฉลิมฉลอง แต่บนท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังทำสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ นั่นคือ "การเดินทางย้อนเวลา" กลับไปสู่ปี 2025
นี่ไม่ใช่พล็อตหนังไซไฟ แต่มันคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทุกวันจากการเดินทางทางอากาศ ด้วยเครื่องบิน ที่ทำให้ผู้โดยสารสามารถฉลองคืนข้ามปีได้ถึงสองครั้งในสองประเทศ ภายในเวลาห่างกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ในแต่ละวัน ที่เราใช้ชีวิตอยู่บนโลก มีเครื่องบินทะยานขึ้นและลงจอดทั่วโลกกว่า 100,000 ถึง 150,000 เที่ยวบิน แต่ในช่วงรอยต่อของปีใหม่ อย่างค่ำคืนนี้ คืนวันสุดท้ายของปี จะมีเที่ยวบินกลุ่มหนึ่งที่มีความพิเศษกว่าใคร
ข้อมูลจากเว็บไซต์ AeroRoutes ระบุว่า มีเที่ยวบินโดยสารประมาณ 14 เที่ยวบินที่มีตารางการบินแบบ 'ย้อนเวลา' กล่าวคือ เครื่องบินทะยานขึ้นฟ้าในวันที่ 1 มกราคม 2026 แต่กลับไปแตะพื้นรันเวย์ที่จุดหมายปลายทางในวันที่ 31 ธันวาคม 2025
ตัวอย่างเช่น เที่ยวบินของสายการบิน ANA ที่บินจากกรุงโตเกียวไปยังลอสแอนเจลิส, บริการของ Air New Zealand จากโอ๊คแลนด์ไปยังราโรตองกา หรือเที่ยวบินของ Cathay Pacific จากฮ่องกงมุ่งหน้าสู่สหรัฐอเมริกาและแคนาดา
ความมหัศจรรย์นี้เกิดขึ้นได้เพราะเส้นสมมติเส้นหนึ่งที่ลากผ่ากลางมหาสมุทรแปซิฟิก นั่นคือ 'เส้นแบ่งเวลาสากล' (International Date Line)
เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมเราถึงบินย้อนเวลาได้ เราต้องย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของระบบเวลาโลก ก่อนศตวรรษที่ 19 มนุษยชาติไม่มีมาตรฐานเวลากลาง แต่ละเมืองใช้ 'เวลาสุริยคติท้องถิ่น' (Local Solar Time) ของตนเอง ซึ่งสร้างความสับสนวุ่นวายมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อโลกเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมที่มีการสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อเมืองต่างๆ
ความโกลาหลทางเวลานี้ยุติลงในการประชุม International Meridian Conference ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1884 (พ.ศ. 2427)
ในการประชุมครั้งนั้น ตัวแทนจาก 25 ประเทศได้ลงมติครั้งประวัติศาสตร์:
จุดกำเนิดเวลา: กำหนดให้เส้นเมริเดียนที่ลากผ่าน หอดูดาวหลวงกรีนิช (Royal Observatory, Greenwich) ในกรุงลอนดอน เป็น "เส้นเมริเดียนแรก" (Prime Meridian) หรือเส้น 0 องศา
เส้นแบ่งวัน: เส้นที่อยู่ตรงข้ามกับกรีนิชพอดิบพอดี (ที่พิกัด 180 องศา) จึงกลายเป็น 'เส้นแบ่งเวลาสากล' (International Date Line) โดยปริยาย
เมื่อเดินทางข้ามเส้นนี้ไปทางทิศตะวันออก วันที่จะลดลงหนึ่งวัน และนี่คือกุญแจสำคัญของการเดินทางย้อนเวลา อย่างไรก็ตาม เส้นแบ่งนี้ไม่ได้ขีดตรงเป๊ะตามพิกัดภูมิศาสตร์ แต่มีลักษณะคดเคี้ยวเลี้ยวลด เพื่ออ้อมหมู่เกาะต่างๆ ให้ประเทศเดียวกันสามารถใช้วันเดียวกันได้
ไม่มีที่ไหนจะแสดงตัวอย่างให้เห็นชัดในประเด็นเส้นแบ่งเวลาได้ชัดเจนไปกว่าหมู่เกาะซามัว
ในมหาสมุทรแปซิฟิก มีเกาะสองแห่งที่ตั้งอยู่ห่างกันเพียงไม่ถึง 70 กิโลเมตร แต่กลับอยู่คนละฝั่งของเส้นแบ่งเวลา:
ซามัว (Samoa): ประเทศเอกราชทางตะวันตก
อเมริกันซามัว (American Samoa): ดินแดนของสหรัฐอเมริกาทางตะวันออก
ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ที่สวนทางกับเวลา ทำให้สายการบิน Samoa Airways ให้บริการเที่ยวบินที่สั้นที่สุดแต่ 'ย้อนเวลา' ได้ไกลที่สุด โดยบินจากเมืองอาปีอา (ซามัว) ไปยังเมืองปาโกปาโก (อเมริกันซามัว)
เที่ยวบินนี้ใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาที แต่เมื่อผู้โดยสารบินออกจากซามัวในปี 2026 พวกเขาจะลงจอดที่อเมริกันซามัวที่เวลายังเป็นปี 2025 อยู่—ซึ่งช้ากว่ากันถึง 1 วันเต็ม
ในทางกลับกัน หากคุณบินสวนทางจากอเมริกาเหนือไปยังเอเชียหรือออสเตรเลีย คุณจะพบกับปรากฏการณ์ที่วันเวลา "หายไป" โดยสิ้นเชิง
ในทางกลับกัน มีเกือบ 80 เที่ยวบินที่บินไปในทิศทางตรงข้าม โดยปกติจะบินออกจากอเมริกาเหนือและลงจอดในเอเชีย, ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ เที่ยวบินเหล่านี้จะข้ามวันแรกของปีใหม่ไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากออกเดินทางวันที่ 31 ธันวาคม และมาถึงในวันที่ 2 มกราคม
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงต่อให้ย้อนเวลาได้ก็จริง แต่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี...