svasdssvasds

เอกชน เผยอัตราเงินเดือน - โบนัส - ค่าตอบแทน ปี 66 เพิ่มไม่น้อยกว่า 4%

เอกชน เผยอัตราเงินเดือน - โบนัส - ค่าตอบแทน ปี 66 เพิ่มไม่น้อยกว่า 4%

PMAT เผยแนวโน้มการปรับอัตราค่าตอบแทนรวม ประจำปี 65-66 พบว่า มีการยอมจ่ายเงินเพื่อดึงดูดคนเก่งและรักษาคนมีฝีมือไว้กับองค์กร ส่งผลให้ค่าตอบแทนมีแนวโน้มขยับสูงขึ้น

สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) เผยแนวโน้มการปรับอัตราค่าตอบแทนรวม ประจำปี 2565/2566 อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ HR ได้เตรียมความพร้อมในการประเมินกลยุทธ์การบริหารค่าตอบแทนรวม เพื่อดึงดูดคนเก่งและรักษาคนดีมีฝีมือไว้กับองค์กร รวมทั้งเป็นเครื่องมือหลักสำหรับ HR ในการนำเสนอต่อผู้บริหาร ถึงโครงสร้างเงินเดือน และการวิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ 

สำหรับปี 2565 นี้ เป็นปีที่ข้อมูลมีผลกระทบจากเหตุการณ์รอบด้านทั้งสงคราม รัสเซีย-ยูเครน วิกฤติโควิด และภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ การจัดเก็บข้อมูลเชิงลึกในกลุ่มเป้าหมาย 112 องค์กร แบ่งเป็น

  • อุตสาหกรรม 18.8%
  • พาณิชยกรรมและบริการ 18.8%
  • ยานยนต์ 16.1%
  • เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร 10.7%
  • เทคโนโลยี 9.8%

ส่วนที่เหลืออยู่ในธุรกิจ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์, อุปโภคบริโภค, อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง, ทรัพยากร และการเงิน

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

 

การปรับค่าตอบแทน ปี 2565/2566 มีแนวโน้มจะขยับสูงขึ้น เพราะไทยมีทิศทางการขึ้นค่าตอบแทนคล้ายกับอเมริกา โดยปี 2564/2565 อเมริกา ปรับขึ้นค่าตอบแทน 4% และคาดว่าจะสูงกว่า 4% ในปีถัดไป 

การปรับเงินเดือนประจำปีตามผลงาน

  • ปี 2566 คาดว่าขึ้นไปแตะที่ 4.27%
  • ปี 2565 ขึ้นไป 4.02%
  • ปี 2564 ขึ้นไป 3.93%  
  • ปี 2563 ขึ้นไป 4.58%
  • ปี 2562 ขึ้นไป 5.06%

โบนัสคงที่

  • ปี 2566 คาดการณ์ 1.44 เดือน
  • ปี 2565 จ่าย 1.36 เดือน
  • ปี 2564 จ่าย 1.32 เดือน
  • ปี 2563 จ่าย 1.41 เดือน
  • ปี 2562 จ่าย 1.38 เดือน

โบนัสผันแปร

  • ปี 2566 คาดการณ์ 2.31 เดือน
  • ปี 2565 จ่าย 2.52 เดือน
  • ปี 2564 จ่าย 2.45 เดือน
  • ปี 2563 จ่าย 2.7 เดือน
  • ปี 2562 จ่าย 2.73 เดือน

3 อันดับธุรกิจที่มีแนวโน้มปรับขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลงานสูงสุด ในปี 2566

  • ทรัพยากร 5%
  • พาณิชยกรรมและบริการ 4.58%
  • เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร 4.54%

3 อันดับธุรกิจที่มีแนวโน้มจ่ายโบนัสคงที่สูงสุด ในปี 2566

  • อุปโภคบริโภค 2.40 เดือน
  • ยานยนต์ 1.85 เดือน
  • ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 1.45 เดือน

3 อันดับธุรกิจที่มีแนวโน้มจ่ายโบนัสผันแปรสูงสุด ในปี 2566

  • ยานยนต์ 3.57 เดือน
  • ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 2.83 เดือน
  • เทคโนโลยี 2.47 เดือน

 

ส่วนของการปรับเงินเดือนประจำปีตามผลงานทุกอุตสาหกรรม ประจำปี 2566 ค่าเฉลี่ย 4.27% สูงสุด 7.0% ต่ำสุด 1.60%

ทางด้านของ การจ่ายโบนัสคงที่ทุกอุตสาหกรรม ประจำปี 2566 ค่าเฉลี่ย 1.36 เดือน สูงสุด 1.44 เดือน ส่วนการจ่ายโบนัสผันแปรทุกอุตสาหกรรม ประจำปี 2566 จะมีค่าเฉลี่ย อยู่ที่ 2.31 เดือน สูงสุด อยู่ที่ 2.52 เดือน

โบนัส-ค่าตอบแทนรวม ปี 65/66

3 อันดับแรกของการจ่ายเงินได้อื่น ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ โบนัส 96.4% เบี้ยขยัน 56.3% และ ค่าตำแหน่ง โดยการบริหารค่าตอบแทนรวม ยังคงยึดแบบแผนหลักอย่างต่อเนื่อง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือ ให้น้ำหนักกับเงินเดือน 68% แล้วตามด้วยโบนัสคงที่ รายได้อื่น เบี้ยกันดาร และสวัสดิการ ตามลำดับ

สำหรับปี 2565 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง ตำแหน่งงานที่มีการจ่ายสูงสุด ได้แก่

  • ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน 305,457 บาท
  • สายงานบริหาร, หัวหน้าแผนกขายต่างประเทศ 130,750 บาท
  • สายงานซูเปอร์ไวเซอร์, เลขานุการผู้บริหารระดับสูง 113,050 บาท
  • สายงานวิชาชีพ และ หัวหน้ากะผลิต 47,646 บาท 

 5 อาชีพทำเงิน ที่มีค่าวิชาชีพสูงสุด นอกเหนือจากค่าตอบแทน  ได้แก่

  • ล่าม 30,000 บาท
  • วิศวกร 20,000 บาท
  • เภสัชกร 14,000 บาท
  • สถาปนิก 12,000 บาท
  • ทนายความ 10,000 บาท

จากการสอบถามกลุ่มเป้าหมาย ถึงกลุ่มพนักงานที่หาคนทดแทนได้ยาก 9 อันดับแรก ได้แก่ ไอที, การขายและการตลาด, งานผลิต, บัญชีและการเงิน, พัฒนาธุรกิจ, กฎหมาย, กลยุทธ์องค์กร, HR และโลจิสติกส์

แนวโน้มค่าตอบแทนของไทย จะมาจาก 4 ปัจจัย ประกอบด้วย

  1. การจ่ายค่าตอบแทนจากคงที่ เริ่มหันมาเน้นการจ่ายค่าตอบแทนจากแรงจูงใจ (performance-driven incentives)
  2. การจ่ายค่าทักษะในงาน upskills (การเพิ่มทักษะเดิม) and reskills (การสร้างทักษะใหม่) (skills-based pay : upskills and reskills)
  3. หันมาเน้นสวัสดิการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี (well-being benefits)
  4. เปิดทางให้พนักงานได้เลือกสวัสดิการ ผลประโยชน์เกื้อกูล ที่เหมาะสมกับพนักงานแต่ละคน (flexible/ personalized benefits)

อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินเดือนที่เป็น basic salary ในกลุ่มผู้ประกอบการระดับกลางและล่าง เริ่มกลับมาจ้างงานมากขึ้น ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวม อย่าง จีดีพีเกือบ 4% อัตราเงินเฟ้อลดลง จาก 6.3% เหลือ 2.4% อัตราว่างงานก็ลดลง จาก 1.93% เหลือ 1.37% ปี 2566 นี้ จึงถือว่าเป็นอีกปี ที่มีสัญญาณเชิงบวกจากหลายปัจจัย ที่ส่งผลดีต่อการจ้างงานและจ่ายค่าตอบแทนโดยรวม

ทางด้านของ จ๊อบส์ดีบี (JobsDB) แพลตฟอร์มหางานชั้นนำของเอเชีย ก็ได้เผย รายงานอัตราเงินเดือนของพนักงานไทยประจำปี 2565 (Salary Report 2022) พบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และฮ่องกง ประเทศไทยมีการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเดือนค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ที่ 43.1%

สายงานที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด วัดจากจำนวนประกาศรับสมัครงานรวมทุกอุตสาหกรรมมากถึง 26,300 ตำแหน่ง ในปี 2564 ยังคงเป็นสายงานด้านการขายและการตลาด (Sales/Marketing) เช่นเดียวกับปี 2563

หากกล่าวถึงภาพรวมการปรับเพิ่มขึ้นของค่าตอบแทนในประเทศไทย แบ่งตามสายงาน พบว่า มีหลายสายงานได้รับการปรับเพิ่มอัตราเงินเดือน อาทิ

  • สายงานไอที ที่ได้รับการปรับเงินเดือนสูงที่สุดถึง 41%
  • งานขาย/งานบริการลูกค้า/งานการตลาด/งานการศึกษา/การฝึกอบรม เงินเดือนเพิ่มขึ้น 40%
  • สายงานสุขภาพ และความงาม เงินเดือนเพิ่มขึ้น 39% เป็นต้น

เมื่อเทียบการปรับตัวของอัตราเงินเดือนปีล่าสุดเป็นเปอร์เซ็นต์ พบว่า อุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีการปรับเงินเดือนเพิ่มสูงสุดแบ่งตามระดับงาน และสายงาน ได้แก่

  • อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property & Real Estate) ปรับเพิ่มค่าตอบแทนพนักงานระดับผู้จัดการ / อาวุโส (Senior Executive) ในสายงานไอที สูงสุดในปี 2564 โดยปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 34.6%
  • อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) ปรับค่าตอบแทนให้แก่พนักงานระดับหัวหน้างาน (Manager) ในสายงานไอที เช่นเดียวกัน โดยปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 27.8%
  • อุตสาหกรรมขนส่ง (Transportation) มีการปรับขึ้นค่าตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 3 ให้แก่พนักงานระดับผู้จัดการ / อาวุโส (Senior Executive) ในสายงานบริการเฉพาะทาง โดยปรับขึ้นจากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 27.1%
     
related