หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ สมัยที่ 2 ได้ย้ำถึงนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ที่เป็นจุดขายหลัก เปิดฉากยกเลิกหลายนโยบายในสมัยโจ ไบเดน เปลี่ยนทิศทางนโยบายต่างๆ
นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ใช้มาตรการเก็บภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือต่อรองกับหลายประเทศ โดยประเทศแคนาดา และเม็กซิโก เกือบโดนเก็บภาษีนำเข้า 25% (ถูกเลื่อนออกไป 30 วัน) ขณะที่จีนโดนเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 10% และจีนได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 10% -15% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ บางหมวด
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมที่ 25% จากทุกประเทศ พร้อมกับประกาศจะใช้มาตรการภาษีตอบโต้ สำหรับประเทศที่เก็บภาษีกับสหรัฐฯ ในอัตราที่เท่ากัน ถือเป็นการเปิดต้นปีด้วยสงครามการค้าตามที่ทรัมป์ได้เคยประกาศไว้
โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 1 ในช่วงปี 2560 - 2564 และมีนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ สำหรับสมัยที่ 2 ทรัมป์ยังคงแนวนโยบายเดิม Trump 2.0 จึงเน้นเรื่องการปกป้องอุตสาหกรรมและแรงงานในประเทศ เช่น การเก็บภาษีศุลกากรเพื่อไม่ให้สินค้านำเข้ามาตีตลาดและเพื่อลดการขาดดุลทางการค้า การบังคับใช้กฎหมายการอพยพอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้แรงงานต่างด้าวมาแย่งงานคนอเมริกัน
รวมไปถึงการถอนตัวจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น World Health Organization (WHO) และข้อตกลงปารีส ซึ่งทรัมป์มองว่าเป็นภาระทางเศรษฐกิจต่อผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน นอกจากนี้ ยังมีแนวนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่ทรัมป์เคยหาเสียงไว้
ทรัมป์มีแผนที่จะยกเลิกการให้สัญชาติโดยกำเนิด แต่ต้องเผชิญกับการท้าทายทางกฎหมาย เนื่องจากสิทธิการเป็นพลเมืองโดยกำเนิดมาจากบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 14 และได้รับการสนับสนุนจากคำพิพากษาของศาลฎีกาในปี 2441 การให้สัญชาติโดยกำเนิดหมายถึงบุคคลที่เกิดในสหรัฐฯไม่ว่าจะเป็นชาติใดจะกลายเป็นพลเมืองอเมริกันโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นนโยบายที่กำหนดใช้มานานหลายทศวรรษแล้ว
นกจากนี้ยังตั้งเป้าจะเนรเทศผู้อพยพที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายทั้งหมด ตลอดระยะเวลา 4 ปี ของการดำรงตำแหน่ง โดยคาดว่าจะประกาศให้การอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติ
รัฐบาลได้ดำเนินการตามคำมั่นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา รวมถึงเปลี่ยนชื่อภูเขาเดนาลี ซึ่งเป็นชื่อพื้นเมืองอลาสก้าของยอดเขาที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ กลับไปเป็นชื่อเดิมคือภูเขาแมคคินลีย์ด้วย
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศว่าสหรัฐอเมริกาจะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ “ชาย” และ “หญิง” ซึ่งเป็นสิ่งที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ขณะที่ลงนามคำสั่งบริหารยกเลิกนโยบายต่างๆ ที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และปกป้องสิทธิของกลุ่มคนเพศหลากหลาย LGBTQ+
ทรัมป์ ได้ลงนามยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหาร 78 ฉบับที่เป็นการเพิกถอนคำสั่งหรือแผนริเริ่มต่างๆ ในยุคของประธานาธิบดี โจ ไบเดน รวมไปถึงการถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement)
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้รัฐบาลของเขาระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่จะมอบให้ยูเครน เพื่อกดดันให้ผู้นำยูเครนยอมรับกระบวนการสันติภาพ
"ทรัมป์" ออกคำสั่งให้รัฐบาล "ยกเลิกข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า" ปี 2564 ที่ลงนามโดยโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดี ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้รถยนต์ใหม่จำนวน 50% จากทั้งหมดที่จำหน่ายในปี 2573 นั้นต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นความพยายามที่จะล้มเลิกกฎระเบียบที่ควบคุมมลพิษจากรถยนต์และมาตรฐานการประหยัดเชื้อเพลิง โดยเขาอ้างว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการจำกัดทางเลือกของผู้บริโภคอย่างไม่เป็นธรรม
ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมสู่ระดับ 25% โดยไม่มีข้อยกเว้น มีเป้าหมายที่จะช่วยเหลืออุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ ที่กำลังประสบปัญหา
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งผู้บริหาร รื้อโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการของรัฐบาลกลาง เป็นการทำตามการหาเสียงที่มีมายาวนานของพรรคอนุรักษ์นิยม
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% ฉบับใหม่ ครอบคลุมชิ้นส่วนรถยนต์หลัก เช่น เครื่องยนต์ ซึ่งถือเป็นผลกระทบอีกระลอกต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ที่เป็นเสาหลักของญี่ปุ่น
โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดที่เข้าสู่สหรัฐฯ และเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นจากประเทศอื่นๆ อีกหลายสิบประเทศ รวมถึงคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ ไทยโดนหนัก 37% จีนโดน 125%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเว้นการเก็บภาษีศุลกากร สำหรับสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ บางประเภทที่นำเข้าส่วนใหญ่จากประเทศจีน
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางแก่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นจำนวนกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่มหาวิทยาลัยปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัฐบาล ซึ่งถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงเสรีภาพทางวิชาการ
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าภาพยนตร์ที่สร้างในต่างประเทศ 100% ระบุว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสหรัฐฯ กำลังจะ "ตายอย่างรวดเร็ว" พร้อมกล่าวโทษความพยายามร่วมกันของประเทศต่างๆ ที่เสนอแรงจูงใจเพื่อดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์และสตูดิโอเป็น "ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ"
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งให้สำนักงานราชทัณฑ์ บูรณะซ่อมแซมและเปิดเรือนจำอัลคาทราซ (Alcatraz) บนเกาะกลางอ่าวซานฟรานซิสโกอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นสถานที่คุมขัง “นักโทษที่กระทำความผิดร้ายแรงที่สุดของอเมริกา”