
SHORT CUT
เทคโนโลยีและนวัตกรรมในปี 2025 กำลังเริ่มมีตัวตนในการพลิกโฉมการทำงาน สุขภาพ และการผลิต จาก AI สู่เครื่องมือที่ช่วยให้ชีวิตคนง่ายขึ้น และนี่คืออนาคตที่จับต้องได้จริง
หากทศวรรษที่ผ่านมาคือยุคที่เทคโนโลยีถูกจำกัดอยู่บน "หน้าจอ" ปี 2025 กำลังส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เทคโนโลยีกำลังก้าวออกจากโลกดิจิทัล และหวนคืนสู่โลกกายภาพอย่างเต็มตัว เพื่อพลิกโฉมการทำงาน สุขภาพ และการผลิต และนี่คือ 5 ไฮไลท์นวัตกรรมที่เป็นตัวแทนของเทรนด์นี้
Figure 03 เป็นตัวแทนของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปฏิบัติงานทั่วไป ขับเคลื่อนด้วยโมเดล AI แบบ Multi-modal ที่ซับซ้อน ทำให้มันสามารถเรียนรู้และปฏิบัติงานที่หลากหลายในสภาพแวดล้อมที่ออกแบบมาสำหรับมนุษย์ เช่น คลังสินค้า โรงงานประกอบชิ้นส่วน หรือแม้แต่ร้านค้าปลีก และได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในสุดยอดนวัตกรรมแห่งปี 2025 โดยนิตยสาร TIME
การนำแขนกลเฉพาะทางมาใช้ แม้จะมีประสิทธิภาพสูงในงานเดียว แต่ก็ต้องแลกมากับการรื้อปรับโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายมหาศาล และที่สำคัญที่สุด มันสามารถสอดแทรกเข้าไปในกระบวนการทำงานเดิม เช่น สามารถเปิดประตูและเดินในพื้นที่เดียวกับมนุษย์ได้
Lotus Ring คือ อุปกรณ์เพื่อการเข้าถึง (Accessibility Device) มันคือรีโมทคอนโทรล IR แบบสวมใส่ได้ Dhaval Patel ผู้ก่อตั้ง ได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการเคลื่อนไหวของตัวเขาเอง
อุปกรณ์ช่วยเหลือการเข้าถึงที่ให้คุณเปิดหรือปิดสวิตช์ไฟหรือทีวีได้ เพียงแค่ชี้ไปที่มันหรือกดปุ่มบนวงแหวน แบตเตอรี่ใช้งานได้สี่ถึงหกเดือน แล้วสัญญาณอินฟราเรด (IR) จะส่งสัญญาณไปยังฝาครอบพิเศษที่สามารถเปลี่ยนสวิตช์ได้โดยไม่ต้องเดินสายใหม่
ที่น่าสนใจคือ Lotus Ring ไม่ต้องใช้ Wi-Fi, ไม่ต้องใช้แอป, ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การที่แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 4-6 เดือน เพราะมันใช้พลังงานเพียงชั่วพริบตาในการส่งสัญญาณ IR
ความสำเร็จของ Lotus Ring คือการได้พิสูจน์ว่ามีตลาดสำหรับเครื่องมือที่ไม่เชื่อมต่อเครือข่าย, เรียบง่าย แต่แข็งแกร่ง และแก้ปัญหาทางกายภาพเพียงหนึ่งเดียวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
กลไกของมันคือการพ่นหมึกที่ทำปฏิกิริยากับแสง UV และทำให้แข็งตัวในทันที ทำให้มันสามารถสร้าง "พื้นผิว 2.5D" (ความหนาสูงสุด 5 มิลลิเมตร) ลงบนวัสดุได้กว่า 300 ชนิด
EufyMake E1 มีขนาดเล็กกว่าเครื่องพิมพ์ UV อุตสาหกรรมถึง 90% ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายผ่านแอป โดยมีเทมเพลตให้เลือกหลากหลาย สำหรับผู้บริโภคทั่วไป การดาวน์โหลดดีไซน์แล้วพิมพ์ลงบนเคสโทรศัพท์หรือขวดน้ำเปล่าๆ จะกลายเป็นเรื่องง่าย
นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ AI หรือหุ่นยนต์ที่ซับซ้อนเสมอไป แต่ยังหมายถึงการออกแบบที่เข้าถึงปัญหาที่ถูกมองข้าม ดังเช่น Tilt Grip Stick
Aerin Glazer ผู้ก่อตั้ง Tilt Beauty เติบโตมากับโรคข้ออักเสบ และพบว่าหนึ่งในสี่ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ อยู่กับความพิการ แต่มีเพียง 4% ของแบรนด์ความงามที่ออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อพวกเขา
Tilt Grip Stick เป็นหนึ่งในสุดยอดนวัตกรรมแห่งปี 2025 ของ TIME สินค้าลิปบาล์มที่เกิดจากช่องว่างนี้ ได้รับการรับรอง "Ease of Use" (ง่ายต่อการใช้งาน) จากมูลนิธิโรคข้ออักเสบ ด้วยที่จับขนาดใหญ่ถนัดมือ ฝาแม่เหล็ก และแถบฉีกสำหรับเปิดที่จดสิทธิบัตร ทำให้ใช้งานได้แม้ด้วยมือเดียว
นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของเทรนด์ "การออกแบบเพื่อทุกคน" แสดงให้เห็นว่านวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อาจเป็นการแก้ปัญหาด้วยความเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้ง
ได้ครับ นี่คือข้อมูลของนวัตกรรมชิ้นที่ 5 "Nvidia DGX Spark" ที่สรุปและเรียบเรียงสำหรับนำไปต่อท้ายบทความ และสำหรับบรีฟ Graphic Designer ครับ
ที่ผ่านมา พลังการประมวลผล AI มักถูกจำกัดอยู่กับผู้ที่เข้าถึงคลัสเตอร์คลาวด์ราคาแพงเท่านั้น แต่ NVIDIA DGX Spark ได้ทำลายข้อจำกัดนั้นลง
DGX Spark คือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะขนาดเล็กที่อัดแน่นด้วยพลังประมวลผลสูงถึง 1 Petaflop และหน่วยความจำ 128GB ขับเคลื่อนด้วย Grace Blackwell GB10 Superchip ทำให้มันสามารถ Fine-tune โมเดล AI ที่มีพารามิเตอร์สูงถึง 200 พันล้านได้
Dion Harris จาก NVIDIA กล่าวว่า "การนำเสนอประสิทธิภาพ AI ระดับ Petaflop บนอุปกรณ์ตั้งโต๊ะถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ เพราะเราคิดว่ามันจะปลดล็อกการเข้าถึง AI ให้เป็นของทุกคน"
โดย DGX Spark ยังสามารถเชื่อมต่อกัน 2 เครื่องเพื่อประมวลผลโมเดลที่ใหญ่ขึ้น และเปิดตัวในราคา $3,999 (ประมาณ 148,000 บาท) ซึ่งเริ่มเปิดให้จองแล้วในปัจจุบัน
ที่มา : Time