พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งวงเสวนา "มองอนาคตเด็กไทย ในวันที่โลกเปลี่ยน" ชี้คำขวัญวันเด็กต้องเริ่มที่ผู้ใหญ่ทำให้เห็น เป็นแบบให้ดู ไม่ใช่เพียงวาทกรรม ต้องสร้างเด็กไทยให้ เก่ง-ดี-มีคุณธรรม
คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จัดเสวนาพิเศษ "มองอนาคตเด็กไทย ในวันที่โลกเปลี่ยน" โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ประธานคณะทำงานการศึกษาทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ รองศาสตราจารย์นายแพทย์สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น นางสาวศิริภา อินทรวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และนายชยพงศ์ สายฟ้า นักวิชาการด้านการศึกษา ดำเนินรายการโดย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวว่า ผู้ใหญ่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ดังนั้นคำขวัญวันเด็กที่มีในแต่ละปี ผู้ใหญ่จำเป็นต้องปฏิบัติให้เด็กและเยาวชนดูเสียก่อน ผู้ใหญ่ต้องเป็นต้นแบบที่ดี ไม่ใช่เป็นเพียงแค่วาทกรรม ในขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเลี้ยงดูลูกให้ล้มเหลวอย่างมีความสุขเป็น ต้องเลี้ยงให้ผิดหวังเป็น ทำอย่างไรให้เด็กล้มแล้วลุกได้ ลุกเป็น ลุกเก่ง ลุกไว
รศ.นพ.สุริยเดว ยังได้ชี้ให้เห็นถึงผลการวิจัยเรื่องทุนชีวิตพลังบวกของเด็กไทยหรือ Life Asset โดยข้อเท็จจริงเสียงทุนชีวิตพลังบวกของเด็กไทยที่ทำมาตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปี ในการฟังเสียงของเด็กและเยาวชนที่ตนเองได้ร่วมทำกับหลากหลายหน่วยงาน สะท้อนให้เห็นว่าพลังบวกของเด็กเข้าขั้นวิกฤตโดยเฉพาะภาคกลาง
รศ.นพ.สุริยเดว กล่าวต่อว่าการพัฒนาเด็กให้มีความสุขและสมดุลจะต้องพัฒนาระบบนิเวศน์ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชุมชน สถานศึกษา สถานที่ทำงาน ไปพร้อมๆกันด้วย พร้อมกันนี้ได้นำเสนอ
แนวทางการพัฒนาเด็กไทย 10 ข้อ
1.มีความรู้ในการประกอบอาชีพตั้งแต่เรียนชั้นประถมด้าน
2.มีความเป็นผู้นำ
3.มีความคิดสร้างสรรค์
4. มีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดี
5.มีความยืดหยุ่น อึด อดทน ผิดหวังเป็น
6.รู้เท่าทัน
7.มีสติสัมปชัญญะ
8.มีทักษะในการใช้ชีวิต
9.มีภาวะผู้นำ พูดเป็น สื่อสารรู้เรื่อง
10.จัดการความขัดแย้งด้วยความสงบ
ในขณะที่ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เป็นปิรามิดหัวคว่ำ อัตราการเกิดลดลง เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่จึงต้องมีภาระสูงขึ้นทั้งการดูแลครอบครัวและสังคม เด็กและเยาวชนจึงต้องพัฒนาตนเองและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ 1.ต้องดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ดูแลตนเองและผู้อื่นได้ 2.ต้องตั้งใจเรียน เพราะการเรียนรู้เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เด็กอยู่รอดและเท่าทัน พร้อมชี้ให้เห็นว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศและในทั่วโลกต่างใช้ความรู้เป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยเผยเคล็ดลับในการพัฒนาตนเองว่าต้องหมั่นอ่านหนังสือและรู้จักจดบันทึก
“อยากให้น้อง ๆ ทุกคนตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ต้องเปลี่ยนวิธีคิดว่าวุฒิการศึกษาไม่สำคัญ เพราะยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ยืนยันความรู้ความสามารถในการสมัครงาน หรือประกอบอาชีพ และอยากให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพราะเงินไม่สามารถซื้อสุขภาพได้ ที่สำคัญอยากให้หาหนังสือดี ๆ มาอ่าน ไม่ว่าจะเป็น ชีวประวัติ นวนิยาย มาช่วยเป็นแนวทางและสร้างแรงบันดาลใจ” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
ในขณะที่นายชยพงษ์ ให้ความเห็นว่า ตัวแปรสำคัญในการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ตัวแปรที่หนึ่งคือหลักสูตร และระบบการเรียนการสอนในประเทศไทย โดยต้องเปลี่ยนทั้งฮาร์ดสกิล และซอล์ทสกิล ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเด็กและเยาวชน พร้อมทั้งทำอย่างไรให้เด็กและเยาวชนมีสมรรถนะ ทักษะ นำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ รวมไปถึงทักษะในการแก้ปัญหา การตัดสินใจ ตัวแปรที่สองคือครูผู้สอนที่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอน ครูบางท่านไม่มีความเชี่ยวชาญ บางท่านถนัดเฉพาะวิชาที่สอน บางท่านมีภาระงานที่ไม่ใช่งานสอนทำให้สูญเสียโอกาสในการดูแลเด็ก ดังนั้นจึงต้องคืนเวลาและยกระดับครูในการดูแลจัดการเรียนการสอน บทบาทของครูต้องเปลี่ยนจากอบรมให้ความรู้มาเป็นโค้ชที่ให้คำแนะนำได้ พร้อมทั้งฝากถึงเด็กและเยาวชนว่า โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ดังนั้นต้องมีความพร้อมในการปรับตัวนอกจากนี้ต้องมีวินัย รับผิดชอบ จิตสำนึกสาธารณะ ความกตัญญู ไม่ลืมรากเหง้า ใช้ชีวิตอย่างมีสติ มีวิจารณญาณ ซึ่งเป็นเรื่องง่ายใกล้ ๆ ตัวที่สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้
ในขณะที่นางดรุณวรรณ กล่าวว่า การศึกษาถือเป็นการสร้างคน การออกแบบนโยบายที่ดีต้องสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก การพัฒนาเด็กต้องเริ่มจากครอบครัว เด็กใช้ชีวิตในโรงเรียนเพียงแปดชั่วโมง เวลาที่เหลือนอกนั้นคืออยู่บ้านกับครอบครัว ดังนั้นครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างคนที่ดี ผู้ปกครองต้องร่วมมือในการดูแล ปลูกฝัง ลูกหลาน ไม่ใช่ผลักภาระให้โรงเรียนหรือครูเพียงด้านเดียว เพราะ ครู สถานที่ เป็นเพียงองค์ประกอบที่สำคัญเท่านั้น พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าผู้ใหญ่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเด็ก ๆ และเยาวชน นำไปพัฒนาต่อยอดให้เป็นทั้งคนเก่ง-คนดี-มีคุณธรรม เพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่ดีงาม