svasdssvasds

“วราวุธ” ชวน สร้างระบบนิเวศให้คนอยากมีครอบครัว แก้วิกฤตประชากรน้อยลง

“วราวุธ” ชวน สร้างระบบนิเวศให้คนอยากมีครอบครัว แก้วิกฤตประชากรน้อยลง

“วราวุธ” ชวน สร้างระบบนิเวศให้คนอยากมีครอบครัว แก้ปัญหาวิกฤตประชากรน้อยลง แนะ ดึงศักยภาพคนทุกกลุ่มวัยพัฒนาประเทศ

SHORT CUT

  • ประเทศไทยอนาคตหน้าเป็นห่วง ปี 2566 เด็กเกิดใหม่มีเพียง 5.18 แสนคน มีจำนวนผู้สูงอายุถึง 13 ล้านคน
  • อนาคตหน้าประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตวัยแรงงานที่ขาดแคลน

“วราวุธ” ชวน สร้างระบบนิเวศให้คนอยากมีครอบครัว แก้ปัญหาวิกฤตประชากรน้อยลง แนะ ดึงศักยภาพคนทุกกลุ่มวัยพัฒนาประเทศ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของไทย (พม.) กล่าวถึงเรื่อง “ประเทศไทยจะพัฒนาความมั่งคงครอบครัวไทย ผ่านพ้นวิกฤตประชากรได้อย่างไร” ว่าตนพูดถึงปัญหาที่เป็นระเบิดเวลา คือปัญหาประชากรลดลง

ข้อมูลจากกรมการปกครอง พบว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20.08 ของประชากรทั้งประเทศ ในขณะที่เด็กเกิดใหม่มีเพียง 5.18 แสนคน และคาดการณ์ว่าในปี 2585 ประชากรไทยจะลดลงเหลือจำนวน 60 ล้านคน โดยประชากรวัยเด็ก (0-14 ปี) จะมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 16.27 เหลือร้อยละ 10.36 ประชากรวัยแรงงาน (15-59 ปี) ลดลงจากร้อยละ 64.87 เหลือร้อยละ 58.20 ในขณะที่สัดส่วนผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 18.86 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 31.44 ซึ่งจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 12.5 ล้านคนเป็น 18.9 ล้านคน (มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย, 2565) ส่งผลให้อนาคตของประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตวัยแรงงานที่ขาดแคลนและประสบกับภาวะพึ่งพิงของผู้สูงวัยที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโลก

ในอดีตนั้นภาวะเจริญพันธ์สมัยรุ่นปู่ย่าตายายมีลูก 6-7 คนแต่ในปัจจุบันกลับมีอัตราที่น้อยลงพบว่าในหนึ่งครอบครัวมีอัตราหนึ่งต่อหนึ่งในการมีลูกคนเดียว 

ขณะที่อายุประการกรไทยโดยเฉลี่ยสตรีมีอายุ 80 ปี บุรุษมีอายุ 73 ปี ซึ่งสวนทางกับอัตราของเด็กที่เกิดปีหกสองถึง ปี 66 คนไทยหายไป 500,000 คนอีกไม่นานประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุขั้นสูงแบบญี่ปุ่น 

ที่สำคัญผู้ใหญ่หรือคนที่เกิดตั้งแต่ปี 2515 ถึง 2517 มีเพื่อนเกิดหลักล้านคน แล้วในอนาคตคน กลุ่มเหล่านี้จะกลายเป็นผู้สูงอายุคำถามคือใครจะเป็นผู้ดูแลคนกลุ่มเหล่านี้ เพราะหากจะแจกเบี้ยผู้สูงอายุถ้วนหน้า 1,000 บาทถ้วนหน้าต้องใช้เงิน 1.9 แสนล้านบาท และหากจะแจกเงินเบี้ยผู้สูงอายถ้วนหน้า 3,000 บาท ต้องใช้เงินถึง 5.6 แสนล้านบาท และคงไม่ไม่พ้นคน Gen Z Gen Alpha ต้องแบกภาระของสังคม

นายวราวุธกล่าวถึงประเด็นท้าทายของประเทศไทยในอนาคตในเรื่องของอัตราประชากร เกิดน้อยลงและอัตราแรงงานที่มีน้อยลงเรื่อยเรื่อยว่าประเด็นท้าทายนั้นมีเรื่อง

  1. เด็กเกิดน้อย 
  2. การอยู่อาศัยแบบครอบครัวน้อยลงโดยมีตัวเลขในปี 2558 16% ในปี 2564 21% ที่เป็นครอบครัวที่อยู่คนเดียว เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  3. วิกฤติเด็กอาศัยอยู่ กลับพ่อแม่น้อยลงโดยมีเด็กที่อาศัยอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นมีทั้งพ่อและแม่จากเด็กทั้งหมด 4 ล้านคน มีเพียง 2 ล้านคน
  4. ผู้สูงอายุไม่ว่าจะเป็นคุณตาคุณยายอยู่แบบโดดเดี่ยวเพิ่มมากขึ้น
  5. วิกฤตข้ามจากประเทศรายได้ปานกลางอย่างไรเพื่อจะได้เป็นประเทศที่มีรายได้รองรับสวัสดิการ

วิกฤตเหล่านี้ล้วนกระทบไปทุกกระทรวงทั้งสิ้น 

วิสัยทัศน์การแก้ปัญหา

  • ใช้ครอบครัวเป็น เป็นปัจจัยหลักเพื่อนำไปสู่การเผชิญโลกภายนอกและปัญหาได้
  • เปลี่ยนสังคมปัจเจกให้เป็นสังคมเอื้อเฟื้อ
  • เปลี่ยนสังคมให้เป็นสังคมที่นอกจากสิทธิ์ ต้องนึกถึงหน้าที่

โดยนายวราวุธกล่าวว่าหากให้สิทธิ์ถ้วนหน้ารับรองว่าประเทศไทยถังแตกแน่แน่ 

5 กลุ่มสังคมที่เป็นภารกิจของ วราวุธ

  1. เสริมพลังวัยทำงานให้มีความหวังเลี้ยงตัวเองและทำให้ตนเองมีคุณค่ามีเป้าหมายในการใช้ชีวิต ให้พวกเขารู้จักธุรกิจใหม่ๆ ธุรกิจสิ่งแวดล้อมลดการรวมศูนย์เรื่องงานอยู่ที่กรุงเทพมหานครให้พวกเขาเหล่านั้นได้มีชีวิตและดูแลครอบครัวตามหลักการเวิร์คไลท์บาลานซ์
  2. เมื่อเด็กและเยาวชนเกิดน้อยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพ โดยที่สถานดูแลเด็กเล็กสามารถรับเด็กเล็กไปดูแลได้ตั้งแต่อายุ 3 เดือน เน้นพัฒนาการศึกษาปฏิรูประบบนิเวศ การเรียนรู้ปฏิรูปครูให้เรียนในสิ่งที่ใช่ได้ใช้ในสิ่งที่เรียน ต้องลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
  3. ดึงพลังผู้สูงอายุที่มีศักยภาพเข้ามาเป็นแรงงานและพัฒนาศักยภาพให้กับเขา ให้พวกเขานั้นเรียนรู้และรับรู้ความรู้สึกของ Gen Z และ Gen Alpha โดยที่สอนเด็กให้วางแผนใช้ชีวิตครอบครัวให้ผู้เลือกเองต้องทำความเข้าใจกับเด็กเด็กเพราะเหล่านั้นเคยเป็นเด็กมาก่อน ผู้สูงอายุเองก็เปรียบเหมือนสารานุกรมเคลื่อนที่ที่มากประสบการณ์ที่เราสามารถเปิดระบบจ้างงานผู้สูงอายุให้มีความยืดหยุ่นได้มากยิ่งขึ้น เราก็ต้องมีระบบดูแลผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน โดยที่ตั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในชุมชนและให้คนในชุมชนคอยดูแลดูแลผู้สูงอายุ
  4. พัฒนาศักยภาพและเปิดโอกาสให้ผู้พิการในการทำงานได้ เพราะศักยภาพของคนพิการไทยด้อยกว่าประเทศอื่นอื่นๆต้องให้โอกาสคนกลุ่มนี้เช่นคนตาบอดก็สามารถเป็นคอลเซ็นเตอร์คอยรับสายรับรู้ความรู้สึกของคนที่โทรมาปรึกษาได้
  5. ใช้ระบบ Ecosystem คอยช่วยเหลือครอบครัว เชื่อมระบบสวัสดิการเข้ากับดาต้าเซ็นเตอร์ทำให้ประชาชนสามารถดูสวัสดิการของตนเองผ่านอินเตอร์เน็ตได้

นายวราวุธกล่าวทิ้งท้ายว่า “นโยบายเหล่านี้ต้องทำทันทีและต้องทำงานร่วมกัน”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related