svasdssvasds

รวมความเห็น "กฎหมายนิรโทษกรรม" เตือนอย่าใช้เพื่อผลประโยชน์การเมือง

รวมความเห็น "กฎหมายนิรโทษกรรม" เตือนอย่าใช้เพื่อผลประโยชน์การเมือง

รวมความคิดเห็น นักวิชาการ-นักกฎหมาย ชำแหละ “นิรโทษกรรม” ต้องชัดเจนและโปร่งใส อย่าให้ใครใช้เป็นเครื่องมือปลดล็อกความผิดตัวเองย้อนหลัง

SHORT CUT

  • กฎหมายนิรโทษกรรมถูกเตือนไม่ให้ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มผู้มีอำนาจ
  • นักวิชาการและนักกฎหมายเน้นย้ำว่าการนิรโทษกรรมต้องมีขอบเขตชัดเจน ไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม และไม่ควรยกเว้นความผิดร้ายแรง
  • ข้อเสนอแนะสำคัญคือกระบวนการต้องรับฟังเสียงประชาชนทุกฝ่าย และยังมีความเห็นต่างเรื่องการรวมคดีมาตรา 112

รวมความคิดเห็น นักวิชาการ-นักกฎหมาย ชำแหละ “นิรโทษกรรม” ต้องชัดเจนและโปร่งใส อย่าให้ใครใช้เป็นเครื่องมือปลดล็อกความผิดตัวเองย้อนหลัง

กฎหมายนิรโทษกรรม กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งในสังคมไทย เมื่อหลายฝ่ายมีความเห็นต่างกันอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านกฎหมาย การเมือง และศีลธรรม โดยเฉพาะเมื่อมีการเสนอร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการ ล้างผิด หรือปลดเปลื้องความผิดทางอาญา ให้กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การเมืองในอดีต

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน ทีมข่าวได้รวบรวมความเห็นจากนักวิชาการด้านกฎหมาย และนักกฎหมายอาวุโสที่มีบทบาทในสังคม เพื่อสะท้อนข้อดี ข้อเสีย และข้อควรระวังของกฎหมายนิรโทษกรรม

นิยาม "กฎหมายนิรโทษกรรม" คืออะไร?

"นิรโทษกรรม" (Amnesty) หมายถึง การยกเว้นโทษความผิดให้กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคล โดยทั่วไปเป็นการกระทำผ่านกฎหมายหรือพระราชบัญญัติ เพื่อเป้าหมายในการสร้างความปรองดองหรือยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ

ความเห็นจากนักวิชาการด้านกฎหมาย

  • ศาสตราจารย์ ดร.สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

“กฎหมายนิรโทษกรรมควรมีขอบเขตที่ชัดเจน และไม่ควรนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ การนิรโทษกรรมที่ดี ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมและความจริง ไม่ใช่แค่การลบอดีตออกไป แต่ต้องยอมรับว่าเคยเกิดอะไรขึ้น แล้วเดินหน้าต่ออย่างมีบทเรียน”

  • ผศ.ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตอาจารย์นิติศาสตร์ และอดีตกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมาย

“การนิรโทษกรรมสามารถช่วยประเทศเดินหน้าได้ในบางกรณี แต่ต้องไม่ขัดหลักนิติธรรม ไม่ควรละเว้นความผิดร้ายแรง เช่น การละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการทุจริต เพราะจะทำลายระบบยุติธรรมทั้งระบบ”

ความเห็นจากนักกฎหมายและทนายความอาวุโส

  • วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน

“หากจะมีกฎหมายนิรโทษกรรม ต้องฟังเสียงประชาชนให้รอบด้าน และเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไม่ใช่เพียงการตกลงกันของนักการเมืองเท่านั้น เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชนทั่วไป”

  • วัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรี และนักกฎหมาย

“เราไม่ควรใช้กฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจในอดีต แต่ควรใช้เพื่อลดผลกระทบของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง โดยต้องมีขอบเขตจำกัดชัดเจน เช่น นิรโทษกรรมเฉพาะการชุมนุมโดยสงบเท่านั้น”

  • ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้ชี้แจงร่างของภาคประชาชน

เราไม่ได้ยิน สส. คนไหนเลยที่ไม่อยากให้อภัยประชาชน ที่ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกทางการเมือง และไม่เห็น สส. ท่านใด ที่ตั้งข้อรังเกียจแบ่งแยกว่าคดี ม.112 เป็นคดีที่เกินกว่าให้อภัยได้ แต่มีความเห็นต่างบางอย่างซึ่งยอมรับกันได้ว่าคดี ม. 112 มาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา และควรได้รับการราชการหรือพิจารณาไม่ต่างจากคดีอื่น

ความเห็นจาก สส.พรรคประชาชน

  • ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน

การลงมติตรงนี้ ไม่ใช่เวทีที่เราจะมาแสดงออกถึงการจงรักภักดี หรือไม่จงรักภักดี หรือเรื่องใดๆ ก็ตาม แต่เป็นสิ่งที่เราต้องหาทางออกร่วมกัน สมานฉันท์กัน การผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีการเลือกปฏิบัติ ตนไม่เชื่อว่า จะเป็นการปลดชนวนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีต จึงอยากจะส่งข้อเรียกร้องไปยังพรรคอื่นๆ ที่ได้แสดงออกถึงจุดยืนของตัวเองแล้ว ว่าจริงๆ แล้ว ยังมีทางออกในสภาอยู่

  • พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน

การนิรโทษกรรมจะต้องดำเนินการกับ “ทุกฝ่าย” และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งหมายรวมถึงบุคคลที่ต้องคดีตามมาตรา 112 ด้วย ต้องเปิดทางสู่การรับฟังและหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่การตัดสินแบ่งแยก

  • น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน

เราจะส่งเสริมสันติสุขเสริมสร้างสันติสุขและสลายขั้วจากความขัดแย้งโดยทิ้งคนอีกกลุ่มหนึ่งไว้อย่างไร พรรคประชาชนใช้พลังมหาศาลในการแบกความหวัง ความเชื่อ ความจริงใจเพื่อเข้าไปพูดคุยกับพรรคต่างๆ แม้จะมีความเป็นไปได้เพียง 1% ก็ยินดีที่จะทำ ตนเองได้รับข้อความจาก สส.หลายคนที่บอกว่าเห็นใจ เข้าใจ และทำไม่ได้หรอกเรื่องมาตรา 112 กลัวจะถูกยุบพรรค บางคนบอกว่าการแก้กฎหมายยังมีปัญหาเลย

  • น.ส. พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า

จะจำวันนี้ไว้ไม่ลืม การนิรโทษกรรมที่ควรจะเป็นการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง กลับกลายเป็นการมุ่งนิรโทษให้ม็อบกปปส. พันธมิตร ซ้ำเดิมความอยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ และการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชนต้องได้ 250 เสียง เพื่อผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมืองโดยไม่เลือกปฏิบัติให้ได้ หากมี 250 เสียง ต่อให้ สว. ไม่เห็นด้วย กฎหมายก็กลับมาสภาล่าง ใช้เสียงข้างมากยืนยันได้

กฎหมายนิรโทษกรรม อาจเป็นเครื่องมือในการเยียวยาความขัดแย้งของชาติ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังและอยู่บนพื้นฐานของ “หลักนิติธรรม” ไม่ควรกลายเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจในการล้างผิดให้พวกพ้อง หรือปิดปากผู้เสียหาย

การฟังเสียงของทุกฝ่าย โดยเฉพาะเหยื่อและประชาชน คือกุญแจสำคัญในการสร้างกฎหมายที่ทุกคนยอมรับ และนำพาประเทศสู่การปรองดองที่แท้จริง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related