svasdssvasds

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

มาริษ รมว.กต. พาคณะทูต 33 ประเทศ รัฐภาคีออตตาวา สื่อไทย และสื่อต่างประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และความเสียหาย

SHORT CUT

  • นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศลงพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ เพื่อสังเกตการณ์ความเสียหายจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
  • ไทยนำเสนอหลักฐานว่ากัมพูชาจงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวาและอธิปไตยของไทย ด้วยการวางทุ่นระเบิดชนิดใหม่ ซึ่งทำให้ทหารไทยบาดเจ็บสาหัส 5 นาย
  • เรียกร้องให้ประชาคมโลกกดดันให้กัมพูชาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้งเก่าและใหม่ตามแนวชายแดน

มาริษ รมว.กต. พาคณะทูต 33 ประเทศ รัฐภาคีออตตาวา สื่อไทย และสื่อต่างประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และความเสียหาย

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวระหว่างการนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด จำนวน 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนไทย และต่างประเทศ

ร่วมกับนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย รวมถึง สนับสนุนผู้แทนกองทัพบก ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสังเกตการณ์ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเพิ่งถูกฝังโดยฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอื่น ๆ เพื่อชี้ให้ประชาคมโลกได้เห็นความจริงด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

และชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยว่า กัมพูชาจงใจละเมิดอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา ซึ่งประเทศต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดทำขึ้นในปี 2540 (ค.ศ.1997) หลังมีการต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างกว้างขวาง ถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รวมทั้งยังละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอีกด้วย

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

ดังนั้น ทั้งภาพถ่าย และหลักฐานเชิงประจักษ์ที่กองทัพได้บรรยายนั้น สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา สร้างผลกระทบต่อประเทศไทย และทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทุพพลภาพ พิการ 5 ราย ซึ่งถือเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าที่ตกค้าง ตามที่กล่าวอ้าง เพราะมีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ และประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังอาวุธไปหมดแล้ว

นายมาริษ ยังเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจ และร่วมมือกับประเทศไทยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ตามที่ไทยได้เสนอในการประชุม GBC และหลังจากนี้เป็นต้นไป ตนขอเรียกร้องให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะประเทศรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาที่เป็นผู้บริจาค ร่วมกันประณามการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชาให้ความร่วมมือกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติของไทย (Thailand Mine Action Center) หรือ TMAC ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดแบบ 2 ฝ่าย ระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งทุ่นระเบิดเก่าและใหม่ด้วย เพราะทุ่นระเบิดสังหาร เป็นอาวุธที่ทำร้ายมนุษย์ อย่างไม่เลือกเป้าหมายว่าจะเป็นทหาร หรือพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งถือเป็นความรุนแรงที่ไร้มนุษยธรรม

นายมาริษ ยังระบุว่า แม้สถานการณ์ชายแดนมีการหยุดยิงตามข้อตกลงในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย-กัมพูชา แต่ยังคงมีการโจมตีด้วยสงครามข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนมากขึ้นเป็นประจำทุกวัน จึงขอทุกมิตรประเทศ ช่วยผลักดันไม่ให้กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ เพื่อให้บรรยากาศการเจรจาสร้างสันติภาพ ได้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์ประชาชนบริเวณชายแดน

นายมาริษ ยังระบุด้วยว่า ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง หรือ MLC ครั้งที่ 10 ที่เมืองอันหนิง สาธารณะรัฐประชาชนจีน นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้เชิญตนเอง และนายปรัก สุคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ประชุมร่วม 3 ฝ่าย ซึ่งตนก็ได้หยิบยกผลกระทบของทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบ และทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งประเทศจีน ก็เห็นด้วย

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

และในช่วงที่ตนหารือทวิภาคีกับผู้แทนประเทศต่าง ๆ และทุกประเทศเห็นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะประเทศจีน จึงขอขอบคุณนายหวัง อี้ ที่สนับสนุนให้เกิดการพูดคุย และพร้อมสนับสนุนไทย-กัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่ทั้งหมด ก็เกิดปัญหา เพราะกัมพูชายังไม่ตั้งใจที่จะเก็บกู้ ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงให้ทุกประเทศรับทราบว่า แม้ฝ่ายกัมพูชาจะไม่พร้อม แต่ประเทศไทยจะไม่รอแล้ว

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

และสิ่งที่กัมพูชาพยายามจะอ้างว่า เป็นระเบิดเก่า ตนก็ได้ยืนยันทุกโอกาส และทุกมิตรประเทศว่า ไม่ว่าจะเป็นระเบิดเก่า หรือระเบิดใหม่ ตนไม่ได้สนใจ เพราะมีเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบ หลายคนต้องทุกข์ทรมานมาถึง 30 ปี และตนยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ได้เรียกร้องให้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่ว่าจะเป็นระเบิดเก่า หรือใหม่ เพื่อรักษาข้อตกลงตามอนุสัญญาออตตาวา และกฎหมายระหว่างประเทศ

นายมาริษ ยังขอขอบคุณกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก และกองทัพอากาศ ที่สนับสนุนการชี้แจงต่อคณะทูตานุทูต ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ขอชื่นชม และยกย่องทหารกล้าที่ได้สละเวลา และยินดีมาร่วมชี้แจงต่อคณะทูตานุทูตในวันนี้ (16 ส.ค.)

ขณะเดียวกัน ยังมีชาวบ้านชาวภูมิซรอล 5 คน ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในอดีตจนต้องใส่ขาเทียม มาเข้าพบนายมาริษ และคณะทูตานุทูต เพื่อชี้แจงผลกระทบ และความร้ายแรงของทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ชาวบ้าน ต้องได้รับความทุกข์ทรมาน และยังคงเป็นบาดแผลทางจิตใจมากว่า 30 ปี ซึ่งนายมาริษ ย้ำว่า รัฐบาลจะพยายามเรียกร้องให้กัมพูชา กลับมาร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารฯ กับประเทศไทยเหมือนในอดีต แต่หากฝ่ายกัมพูชา ยังไม่ให้ความร่วมมือ ฝ่ายไทยก็จะดำเนินการเอง

ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่ช่วงเช้า คณะทูตานุทูต ได้ลงพื้นที่ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทยก่อน พร้อม รับชมวีดิทัศน์ชุด “เสียงระเบิด...ที่โลกไม่ได้ยิน แต่ชาวศรีสะเกษไม่มีวันลืม”

มาริษ นำทูต 33 ประเทศ ลงพื้นที่ภูมะเขือ ดูความเสียหาย เก็บกู้ทุ่นระเบิด

ที่เล่าเรื่องราว ตั้งแต่วันเริ่มต้นของความสูญเสีย ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 หลังเกิดเสียงระเบิดที่ดังขึ้นในยามเช้า ไร้การเตือนล่วงหน้า และเป็นจุดเริ่มต้นของสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา และนำมาซึ่งความทุกข์ระทมมา ของพี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษกว่า 260,000 ครัวเรือน รวมกว่า 780,000 คน

รวมทั้งยังมีกระสุนปืนใหญ่ หรือ จรวด BM-21 จากฝั่งกัมพูชา ตกลงที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ เกิดไฟลุกไหม้รุนแรง คร่าชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์ 8 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ มีทั้งเด็ก นักเรียน ผู้ปกครอง และพนักงานร้านสะดวกซื้อ

รวมทั้งยังมีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ บาดเจ็บอีก 19 ราย ทั้งชาย หญิง ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก และยังมีกระสุนอีกจำนวนมาก ตกใส่บ้านเรือนประชาชน จนพังเสียหายทั้งเสียหายบางส่วน เสียหายทั้งหลัง เสียหายยับเยิน จนไม่เหลือเค้าเดิมของคำว่า ‘บ้าน’ อีกต่อไป ทั้งโรงเรียนต้องหยุดสอน และศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในพื้นที่ ก็ยังได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดต้องอพยพผู้ป่วยกว่า 100,000 คน

รวมทั้ง สัตว์เลี้ยงของประชาชน ต้องล้มตายกลางทุ่งนาที่เคยสงบสุข และแม้เสียงระเบิดจะสงบลงแล้ว แต่ก็ยังพบจรวด BM-21 และกระสุนปืนใหญ่ รวม 58 นัด กระจายครอบคลุม 45 พื้นที่ ซึ่งตรวจสอบแล้ว 35 จุด ยังเหลืออีก 10 จุดที่ยังไม่ปลอดภัย และอีก 2 จุด…รอการเก็บกู้ทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียซ้ำรอย

ขณะที่ ในช่วงบ่าย คณะทูตานุทูต จะขึ้นไปยังภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ และติดตามการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ

related