svasdssvasds

โรมแฉเอกสารลับ ทุนเทาโยงนักการเมือง-บ.ในตลาดหุ้น จี้อนุทินขยับ

โรมแฉเอกสารลับ ทุนเทาโยงนักการเมือง-บ.ในตลาดหุ้น จี้อนุทินขยับ

ม่ใช่แค่บริษัทพลังงาน! "รังสิมันต์ โรม" งัดข้อมูลใหม่แฉทุนเทาใช้กองทุนต่างชาติแทรกซึมบริษัทในตลาดหุ้นไทย จี้ถามความรับผิดชอบจาก 3 รัฐมนตรีที่ถูกพาดพิง

SHORT CUT

  • หลักฐานใหม่มัดตัว: พรรคประชาชนเปิดเอกสาร 48 หน้า ชี้เส้นทางทุนเทาโยงใยผ่านบริษัท "เทียน เทียน เวนเจอร์" ที่ตั้งขึ้นเพื่อฉ้อโกงโดยเฉพาะ
  • พุ่งเป้านักการเมือง: "โรม" จี้ถาม 3 รัฐมนตรีในรัฐบาลถึงความเกี่ยวข้อง พร้อมท้านายกฯ อนุทิน แสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อเรื่องดังกล่าว
  • เสนอ 3 ทางออก: เรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายจริงจัง, ร่วมมือกับต่างชาติ และยกเครื่องกฎหมายต้านการฟอกเงิน เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

ม่ใช่แค่บริษัทพลังงาน! "รังสิมันต์ โรม" งัดข้อมูลใหม่แฉทุนเทาใช้กองทุนต่างชาติแทรกซึมบริษัทในตลาดหุ้นไทย จี้ถามความรับผิดชอบจาก 3 รัฐมนตรีที่ถูกพาดพิง

โรมแฉเอกสารลับ 48 หน้า! พบเครือข่ายทุนเทาโยง “นักการเมือง-บ.ในตลาดหุ้น” มากกว่าบริษัทพลังงาน เน้นซื้อหุ้นที่รัฐบาลถือไว้ คาดทุนเทาสามารถควบคุมได้ จี้ “อนุทิน” หยุดเงียบ ตอบสังคมหลังพบ 3 รัฐมนตรีมีชื่อเอี่ยว จ่อเชิญ “วรภัค” แจง กมธ. ปมอดีตที่ปรึกษา BIC Group กัมพูชา

 

วันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าวเปิดข้อมูลใหม่จากเอกสาร 48 หน้า ชี้เครือข่ายทุนสีเทาโยงใยซับซ้อนกว่าที่เคยเปิดเผย ทั้งนักธุรกิจที่เคยถูกอภิปรายในสภา โยง “เทียน เทียน เวนเจอร์” ที่ตั้งขึ้นเพื่อฉ้อโกงโดยเฉพาะ พบหลักฐานจ้างนักแสดงต่างชาติสวมรอยเป็นผู้บริหาร แถมพบความเชื่อมโยงถึงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานของไทยอีกหลายแห่งผ่านกองทุนต่างชาติ พร้อมตั้งคำถามถึง 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล “อนุทิน” ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยังคงนิ่งเงียบ

 

นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้จัดแถลงข่าวที่พรรคประชาชน โดยเปิดเผยข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาเป็นเอกสารจำนวน 48 หน้า ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนและเครือข่ายที่กว้างขวางของขบวนการสแกมเมอร์และการฟอกเงินสีเทาในประเทศไทย ที่มีนักการเมืองและผู้มีอำนาจเข้าไปเกี่ยวข้อง

นายรังสิมันต์ ระบุว่า ข้อมูลใหม่ที่ได้รับมานั้น มีความน่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ในกระบวนการทางกฎหมายได้ โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญคือความเชื่อมโยงของนักธุรกิจชาวต่างชาติที่เคยถูกอภิปรายในสภาไปแล้ว กับบริษัท “เทียน เทียน เวนเจอร์” (Tien Tien Venture) ที่นายรังสิมันต์ระบุว่าตั้งขึ้นมาเพื่อการฉ้อโกงโดยเฉพาะ และมีความพยายามสร้างความน่าเชื่อถือโดยการจ้างนักแสดงชาวต่างชาติชื่อ “นายลอเรนซ์” มาสวมรอยเป็นผู้บริหาร เพื่อโปรโมตและสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท

 

"ข้อมูลที่เราได้มาล่าสุด คือมีการจ้างดาราที่ชื่อว่า นายลอเรนซ์ เพื่อมาอ่านสคริปต์โปรโมตบริษัทเหล่านี้ ซึ่งนายลอเรนซ์เป็นคนละคนกับผู้บริหารตัวจริง หลังจากนี้จะมีการทยอยเปิดหลักฐานเรื่อยๆ เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมพูดในสภาเป็นความจริง" นายรังสิมันต์ กล่าว

 

นายรังสิมันต์ บอกว่า เอกสารดังกล่าวยังเปิดเผยให้เห็นถึงเครือข่ายธุรกิจที่ซับซ้อนกว่าเดิม โดยพบว่าขบวนการนี้ไม่ได้มีแค่บริษัทพลังงานขนาดใหญ่ตามที่เคยเป็นข่าว แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงบริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ของไทยอีกหลายแห่ง ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยใช้วิธีการให้กองทุนจากต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ เข้ามาซื้อหุ้น โดยเฉพาะในบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นอยู่ ข้อมูลมันไหลมาเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ 48 หน้าแล้ว มันมีมากกว่านั้น

จี้ถาม 3 รมต. - ท้า “อนุทิน” แสดงความจริงใจแก้ปัญหา

นายรังสิมันต์ได้ตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาถึงรัฐมนตรี 3 คนในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ และนายวรภัค ธันยาวงษ์ พร้อมเรียกร้องให้นายอนุทินในฐานะนายกรัฐมนตรี แสดงท่าทีที่ชัดเจนและจริงจังต่อการแก้ปัญหา

 

"ท่านนายกฯ จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อไปใช่ไหม จะไม่พูดอะไรกับเรื่องนี้เลยใช่ไหม ท่านควรจะใช้โอกาสนี้ในการประกาศให้คนไทยได้เห็นว่าท่านต้องการทำลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติแบบนี้"

 

ข้อเสนอ 3 ด้าน สู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

นายรังสิมันต์ ได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ดังนี้

  1. การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง: เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ตำรวจไซเบอร์ ต้องทำงานในเชิงรุกมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่แค่รอรับเรื่องร้องเรียน แต่ต้องมีการตรวจสอบและสืบสวนเส้นทางการเงินที่น่าสงสัยอย่างเข้มข้น
  2. ยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ: เน้นย้ำว่าการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาชาติ โดยเสนอให้หน่วยงานของไทยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา (Homeland Security) และ หน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินของสิงคโปร์ (MAS) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมกันทลายเครือข่าย นอกจากนี้ ยังเสนอให้ประเทศไทยเร่งให้สัตยาบันใน อนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร (UNTOC) และ อนุสัญญาบูดาเปสต์ว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานให้ทัดเทียมนานาชาติ
  3. ยกเครื่องกลไกต่อต้านการฟอกเงิน: เสนอให้รัฐบาลทบทวนและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินให้ทันสมัย โดยเฉพาะการสร้างกลไกที่ปลอดภัยเพื่อคุ้มครองผู้ที่ออกมาให้ข้อมูลหรือแจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) เพื่อให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่สามารถให้ข้อมูลได้โดยไม่ต้องหวาดกลัวอิทธิพลมืด พร้อมทั้งเร่งรัดการออกกฎหมายลูกที่จำเป็น เช่น Travel Rule สำหรับการทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อให้สามารถตรวจสอบเส้นทางของคริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า จะใช้กลไกของสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ที่ตนเป็นประธาน ในการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด โดยในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ จะมีการเชิญนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกับ BIC Group ของนายยิม เลี๊ยก ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ และหากยังไม่มีความคืบหน้าหรือความร่วมมือจากรัฐบาล พรรคประชาชนก็พร้อมที่จะยกระดับการตรวจสอบให้เข้มข้นยิ่งขึ้นต่อไป

related