svasdssvasds

กัมพูชาชวนไทยทะเลาะ กลบข่าวฉาวตระกูลฮุน เอี่ยวฟอกเงินระดับโลก?

ส่องเบื้องลึก Huione Group เครือข่ายฟอกเงินระดับโลกที่โยงใยถึง 'ฮุน โต' หลานชายฮุนเซน อาจเป็นเหตุผลซ่อนเร้นที่กัมพูชาลากไทยขึ้นศาลโลก

SHORT CUT

  • Huione Group คือเครือข่ายฟอกเงินขนาดใหญ่ในกัมพูชา มี "ฮุน โต" หลานชายฮุนเซน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการ

  • ปฏิบัติการระดับโลก ฟอกเงินผิดกฎหมายแล้วกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ เชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์และแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ

  • ตั้งข้อสังเกต: สหรัฐฯ คว่ำบาตร Huione ในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของฮุน มาเนต ยื่นฟ้องไทยต่อศาลโลก

ส่องเบื้องลึก Huione Group เครือข่ายฟอกเงินระดับโลกที่โยงใยถึง 'ฮุน โต' หลานชายฮุนเซน อาจเป็นเหตุผลซ่อนเร้นที่กัมพูชาลากไทยขึ้นศาลโลก

ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทวีความรุนแรงขึ้น จะพบความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจและอาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของเรื่องนี้ นั่นคือการที่เครือข่ายธุรกิจการเงินขนาดมหึมาในกัมพูชาอย่าง "Huione Group" ซึ่งมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับคนในตระกูลฮุน กำลังเผชิญกับการถูกเปิดโปงและมาตรการคว่ำบาตรอย่างหนักจากนานาชาติ ในช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะกับการปะทุขึ้นของความขัดแย้งพอดี

 

สำรวจเบื้องลึกของ Huione Group อาณาจักรอาชญากรรมทางการเงินที่ถูกกล่าวหา และวิเคราะห์ความเชื่อมโยงที่อาจเป็น "แรงจูงใจซ่อนเร้น" ของการลากประเทศไทยขึ้นสู่เวทีโลก

 

Huione Group: จากแอปชำระเงิน สู่ศูนย์กลางฟอกเงินระดับโลก

ในสายตาคนทั่วไป Huione Group อาจดูเหมือนกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่ประสบความสำเร็จในกัมพูชา โดยมีธุรกิจในเครืออย่าง Huione Pay ที่ให้บริการชำระเงินผ่าน QR Code ซึ่งเคยแพร่หลายไปทั่วร้านค้า โรงแรม และซูเปอร์มาร์เก็ตในกรุงพนมเปญ แต่เบื้องหลังฉากหน้าที่ดูถูกกฎหมายนี้ คือระบบนิเวศที่ซับซ้อนซึ่งถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่อาชญากรรมข้ามชาติ  

จากการสืบสวนของสื่อระดับโลกและหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ พบว่า Huione Group ประกอบด้วยเครือข่ายธุรกิจที่น่ากังวลหลายส่วน ได้แก่

 

Huione Crypto และ USDH

แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ดำเนินงานโดยแทบไม่มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน (AML) หรือการรู้จักลูกค้า (KYC) ที่สำคัญคือการออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ของตัวเองในชื่อ "US Dollar Huione" (USDH) ซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่าถูกออกแบบมาโดยเจตนาให้ "ไม่สามารถอายัดได้" (unfreezable) ทำให้เป็นเครื่องมือที่ปลอดภัยสำหรับอาชญากรในการโยกย้ายถ่ายเทเงินทุน.  

 

Haowang Guarantee

ตลาดมืดออนไลน์บนแอปพลิเคชัน Telegram ที่ทำหน้าที่เป็น "ผู้ค้ำประกัน" ธุรกรรมระหว่างกลุ่มอาชญากร โดยให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การฟอกเงินโดยตรง, การจัดหาบัญชีม้า, ไปจนถึงการขายเครื่องมือและข้อมูลสำหรับแก๊งสแกมเมอร์

 

ฟอกเงินสกปรกทั่วโลก เหตุผลคนไทยตามอายัดไม่ทัน

ขนาดของปฏิบัติการนี้ใหญ่โตเกินกว่าที่คาดคิด รายงานจากเครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินของสหรัฐฯ (FinCEN) ระบุว่า ระหว่างปี 2021 ถึงต้นปี 2025 Huione Group ได้ฟอกเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายไปแล้วอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.4 แสนล้านบาท) 

 

ในจำนวนนี้ FinCEN สามารถระบุที่มาของเงินได้อย่างน้อย 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่ามาจากการโจรกรรมทางไซเบอร์โดยกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ และอีกกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากการหลอกลวงทางไซเบอร์รูปแบบอื่นๆ 

ขณะที่บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนชั้นนำอย่าง TRM Labs ประเมินว่า ปริมาณธุรกรรมคริปโตทั้งหมดที่ไหลผ่านระบบนิเวศของ Huione ตั้งแต่ปี 2021 อาจสูงถึง 81,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นตัวเลขที่แซงหน้าตลาดมืด Hydra ของรัสเซียที่เคยใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว.  

 

“การฟอกเงินคือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เงินที่เหยื่อถูกหลอกโอนไป ถูกโอนต่อไปนอกประเทศ แปลงร่างเป็นคริปโตอย่างรวดเร็ว จนเราตามอายัดไม่ทัน”

 

“ฮุน โต" และเงาของตระกูลที่ทรงอำนาจ

จุดเชื่อมโยงที่ทำให้เรื่องนี้สั่นสะเทือนการเมืองกัมพูชา คือการปรากฏชื่อของ ฮุน โต (Hun To) ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่และกรรมการของ Huione Pay เขาคือหลานชายแท้ๆ ของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ฮุน มาเนต

 

ฮุน โต เป็นบุคคลที่มีประวัติโชกโชนและถูกจับตามองมานาน เขาเคยตกเป็นเป้าการสืบสวนของตำรวจออสเตรเลียในคดีลักลอบนำเข้าเฮโรอีนตั้งแต่ปี 2003 และถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็น "ผู้จัดการ" (fixer) ผลประโยชน์ทางธุรกิจของตระกูลฮุน การดำรงตำแหน่งของเขาใน Huione จึงเป็นมากกว่าแค่การถือหุ้น แต่เป็นสัญลักษณ์ที่ชี้ให้เห็นถึงการคุ้มครองจากระบอบการปกครอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลธุรกิจของรัฐกัมพูชาที่กลุ่ม Global Witness เคยวิเคราะห์ว่า ตระกูลฮุนใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อเข้าควบคุมเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างยาวนาน.  

 

ลำดับเวลาที่น่าสงสัย: ข่าวฉาวประจวบเหมาะกับไฟสงคราม

แม้ข้อมูลเกี่ยวกับ Huione จะถูกเปิดโปงมาตั้งแต่ปี 2021 แต่เครือข่ายนี้กลับไม่เคยถูกตรวจสอบอย่างจริงจังจากกลไกภายในประเทศกัมพูชาเลย จนกระทั่งแรงกดดันจากนานาชาติเริ่มส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มร้อนระอุขึ้นอย่างผิดสังเกต:  

 

มีนาคม 2568: ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ประกาศเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจของ Huione Pay โดยให้เหตุผลว่าไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ  

  • 1 พฤษภาคม 2568: FinCEN ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชี Huione Group ทั้งกลุ่มเป็น "สถาบันการเงินที่น่ากังวลด้านการฟอกเงินเป็นหลัก" ซึ่งเป็นมาตรการรุนแรงที่เตรียมตัดออกจากระบบการเงินของสหรัฐฯ.  
  • 28 พฤษภาคม 2568: เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี.
  • มิถุนายน 2568: ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น มีการจำกัดการเข้าออกด่านชายแดน และท้ายที่สุด รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของฮุน มาเนต ได้ยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ.

 

ศาลโลกเป็นเพียงฉากบังหน้า?

การที่ความขัดแย้งชายแดนปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในช่วงเวลาเดียวกับที่ข่าวฉาวซึ่งสั่นคลอนความมั่นคงของตระกูลผู้ปกครองกำลังถึงจุดเดือด ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานที่ไม่อาจมองข้ามได้ว่า การปลุกกระแสชาตินิยมและดึงไทยเข้าสู่เวทีขัดแย้งระดับโลก อาจเป็น "ละครฉากใหญ่" ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมีเป้าประสงค์

 

เป้าหมายนั้นอาจไม่ใช่เพื่ออธิปไตยเหนือดินแดน แต่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทั้งประชาคมโลกและประชาชนในประเทศ ออกจากข่าวฉาวที่เชื่อมโยงครอบครัวตัวเองเข้ากับอาณาจักรอาชญากรรมทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

 

ในขณะที่มือหนึ่งกำลังถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินสกปรกที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมข้ามชาติ อีกมือหนึ่งก็โบกธงชาติ ปลุกเร้าความเกลียดชังเพื่อนบ้าน 

 

“การลากประเทศไทยขึ้นสู่เวทีศาลโลก จึงอาจเป็นเพียงยุทธศาสตร์ ‘ฟอกตัว’ ครั้งมโหฬาร เพื่อใช้ความขัดแย้งระหว่างประเทศ มากลบเกลื่อนความผิดทางอาญาของคนในครอบครัว...ก็เป็นได้”

related