svasdssvasds

"ฉากทัศน์การเมืองไทย" ยุบสภาเร็วขึ้น ปิดจบซักฟอก โกยคะแนนนิยม

"ฉากทัศน์การเมืองไทย" ยุบสภาเร็วขึ้น ปิดจบซักฟอก โกยคะแนนนิยม

เปิดฉากทัศน์การเมือง วัดใจรัฐบาลอนุทิน “ยุบสภา” ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรอถึง 31 ม.ค.69 หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 อาจทำให้นายกฯ ตัดสินใจยุบสภาก่อนกำหนดได้

SHORT CUT

  • นายกฯ อนุทินส่งสัญญาณอาจยุบสภาในเดือน ธ.ค. 68 เร็วกว่ากำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน ซึ่งมองว่าเป็นการป้องกันไม่ให้รัฐบาลถูกโจมตีและเสียคะแนนนิยม
  • การยุบสภาเร็วเป็นการชิงความได้เปรียบทางการเมือง โดยอาศัยจังหวะที่นโยบายประชานิยมกำลังได้รับความนิยม และในขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างเพื่อไทยและประชาชนยังไม่พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง
  • พรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมสูงสำหรับการเลือกตั้ง โดยได้เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ดึงกลุ่มการเมือง "บ้านใหญ่" ขยายฐานเสียง และจัดทัพข้าราชการเพื่อสร้างความได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง

เปิดฉากทัศน์การเมือง วัดใจรัฐบาลอนุทิน “ยุบสภา” ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรอถึง 31 ม.ค.69 หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 อาจทำให้นายกฯ ตัดสินใจยุบสภาก่อนกำหนดได้

“ผมตั้งใจยุบสภา 31 ม.ค. 2569 อยู่แล้ว ผมคงไม่ปล่อยให้ใครมาด่ารัฐบาลเล่นๆฟรีๆ ถ้าเกิดมันเป็นเกมการเมือง เกิดรัฐบาลมันสู้เกมการเมืองไม่ได้ก็ยุบสภาไป ห่างกันแค่เดือนเดียวก็คงไม่ได้เกิดความแตกต่างอะไรกันมากนัก” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวในเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ในหัวข้อ Thailand’s Next Forntier : A National Economic Vision เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568

จากกระแสข่าวว่าด้วยการยุบสภาของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ก็อาจทำให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาได้

แรงสั่นสะเทือนทางการเมืองเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อปรากฏสัญญาณว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล อาจตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎรในเดือนธันวาคม 2568 ก่อนครบวาระสภาที่คาดหมายเดิมราวเดือนมกราคม 2569

'อนุทิน' พร้อมยุบสภา 12 ธ.ค. ชี้รัฐบาลเสียงข้างน้อยยังไงก็แพ้

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวตอนหนึ่งถึงสถานการณ์การเมือง ในงานสัมมนา PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ ว่า ปีหน้ายังไงก็ต้องเลือกตั้ง เพราะสภาพการเมืองที่มันดำรงมาจนถึงจุดนี้ ต้องยอมรับตรงๆ ว่ามันไปไม่ได้แล้ว รัฐบาลเสียงข้างน้อยมันจะไปได้อย่างไร ไม่ต้องมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะอภิปรายก็แพ้ ตนบอกแล้วว่า 31 ม.ค.69  แต่ท่านรอถึงวันที่ 31 ม.ค.69 ไม่ไหวก็ไม่มีปัญหา 

ท่านจะให้ผมยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค.68 วันเปิดสภา ผมก็พร้อมยุบ

ถ้าเป็นอย่างนั้น จะมีอะไรที่มันทำไม่เสร็จหลายอย่าง จะมาโทษตนไม่ได้ ตนไม่ยอม ถ้าบอกว่าให้อภิปรายฯ แล้วให้โหวตก็แพ้ หรือต่อให้อภิปรายดีขนาดไหนหรือตอบโต้ชี้แจงดีขนาดไหนก็แพ้ เพราะรัฐบาลเสียงข้างน้อยมันไม่ใช่วิน-วิน 

 

 

ยุบสภา ธ.ค. ปิดโอกาสซักฟอก ไม่ให้ด่าฟรี เปิดแผลใหม่ ที่อาจกระทบคะแนนนิยม

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แย้มความเป็นไปได้ในการยุบสภาเร็วกว่ากรอบ 4 เดือน หากถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในลักษณะเป็นเกมการเมืองหรือมีจุดประสงค์เพื่อ "ล้างแค้น" ชี้ชัดไม่ยอมให้รัฐบาลถูกโจมตีฟรี ย้ำพร้อมคืนอำนาจประชาชนทันทีหากสถานการณ์บีบให้ต้องตัดสินใจ

ช่วงนโยบายประชานิยม กำลังได้ผลตอบรับดี

นโยบายประชานิยมมักได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนในวงกว้างในระยะสั้น เนื่องจากมุ่งเน้นการแก้ปัญหาปากท้องและให้ผลประโยชน์โดยตรง เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส การตอบรับที่ดีนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นโยบายเหล่านี้ยังคงเป็นแนวทางหลักที่พรรคการเมืองไทยนำมาใช้หาเสียงและดำเนินงาน 

ภูมิใจไทย เปิดตัวเร็ว '3 แคนดิเดตนายกฯ' ทรงดี ผลงานเด่น

ภูมิใจไทย เปิดตัวเร็ว '3 แคนดิเดตนายกฯ' ทรงดี ผลงานเด่น

อนุทิน เปิดเผยถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย มีทั้ง 3 คน ประกอบด้วย ตนเอง นายเอกนิติ และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ โดยจะต้องถูกเสนอเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของพรรคภูมิใจ หากทันในวันที่ 23 พ.ย.นี้ก็จะเสนอทันที นายเอกนิติและนางศุภจี เป็นคนทำงานดี เข้าใจงาน ตอนนี้พูดได้เต็มปากว่านายเอกนิติและนางศุภจี จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย

ต้องยอมรับว่า “รัฐบาลอนุทิน” ได้แต้มบวกจาก “เอกนิติ - ศุภจี” ซึ่งมีภาพลักษณ์ที่ดี มีผลงานเชิงประจักษ์ และเป็นที่ยอมรับจากหน่วยงานภาครัฐ - ภาคเอกชน

เมื่อไฟต์บังคับให้พรรคการเมืองส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกฯให้ครบ 3 คน เผื่อเหลือเผื่อขาด หากสอยพ้นเก้าอี้ผู้นำ ยังจะมี 'ตัวสำรอง' ให้เสนอชื่อโหวตใหม่ ชื่อของ "เอกนิติ-ศุภจี" จึงเป็นตัวเลือกที่ภูมิใจไทย ประเมินแล้วว่าสามารถต่อยอดจากผลงานได้

ดึง 'บ้านใหญ่' เข้าพรรคเพียบ ขยายฐานครบทุกภาค

พรรคภูมิใจไทยกลายเป็นจุดหมายของนักการเมืองและกลุ่ม "บ้านใหญ่" โดยเฉพาะจากภาคใต้ ภายใต้การนำของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่ต่อยอดจากพื้นที่เดิมไปยังสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี และเพชรบุรี ทั้งหมดสะท้อนว่าพรรคเตรียมรับมือการเลือกตั้งที่อาจมาถึง “เร็วกว่ากำหนด” 

การดึงเครือข่ายการเมืองและกลุ่มบ้านใหญ่จากหลายพื้นที่ เช่น กลุ่มมะขามหวาน กลุ่มการเมืองในโคราช สงขลา สุพรรณบุรี และกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นสำคัญ ทำให้เป้าหมายเพิ่มจำนวน ส.ส. จากราว 70 คนไปแตะระดับกว่า 100 คน

การดึงดูด สส. และกลุ่มการเมืองต่างๆ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ "4+4" คือการเป็นรัฐบาล 4 เดือนก่อนยุบสภา เพื่อรวบรวมกำลังคนสำหรับจัดตั้งรัฐบาลและครองอำนาจต่ออีก 4 ปีหลังการเลือกตั้ง

จัดทัพข้าราชการ-ตำรวจ ท้องถิ่น พร้อมแล้ว รอแค่ระดับผู้กำกับปลาย พ.ย.นี้

หลังจากที่ ครม. มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถูกมองว่า เป็นการจัดทัพครั้งใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย การโยกย้ายระดับผู้ว่าราชการจังหวัดล็อตแรก 45 ตำแหน่ง ล็อตที่สอง 18 ตำแหน่ง รวมไปถึงโผแต่งตั้งตำรวจระดับผู้กำกับและผู้บังคับบัญชาช่วงปลายปี ให้เรียบร้อยก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง

การแต่งตั้งครั้งนี้เน้นการวางตัวบุคคลที่ใกล้ชิดพรรคและกลุ่ม "บ้านใหญ่" ในตำแหน่งสำคัญ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อควบคุมกลไกบริหารในพื้นที่ยุทธศาสตร์

เป้าหมายหลัก คือการสร้างเครือข่ายอำนาจในระดับท้องถิ่น เพื่อสร้างความได้เปรียบและเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2569

เลือกตั้งเร็ว 'คู่แข่ง' เพื่อไทย-ประชาชน ยังไม่ทันตั้งตัว

การยุบสภาทำให้สนามเลือกตั้งรอบใหม่มี “สมการเริ่มต้น” ที่เปลี่ยนไป พรรคภูมิใจไทยซึ่งเตรียมทัพไว้ล่วงหน้าจะลงสนามในฐานะพรรคที่ยังคงมีโครงสร้าง สส.ครบถ้วนและแคนดิเดตนายกฯ พร้อมต่อสู้

ส่วนพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในการเข้าสู่สนามเลือกตั้งน้อยมาก ส.ส.เก่ามีเลือดไหลออกจากพรรคไม่ขาดสาย ยังไม่สามารถที่จะหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคได้ครบทั้ง 3 คน ยังไม่มีการตกผลึกทางความคิดเกี่ยวกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และ ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ยังอยู่ในเรือนจำ

ขณะที่พรรคประชาชนอาจต้องเผชิญความไม่แน่นอนสูงจากการขาดแกนนำพื้นที่ และต้องปรับยุทธศาสตร์รับมือกับข้อจำกัดทางกฎหมายไปพร้อมกับการหาเสียง

การเมืองไทยจึงกำลังเดินเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จังหวะยุบสภา มิได้เป็นเพียงการกำหนดวันเลือกตั้ง แต่เป็นการกำหนด “เงื่อนไขตั้งต้น” ของดุลอำนาจใหม่ทั้งระบบ

หาก 'ยุบสภา' ธ.ค. มีแนวโน้มจะเลือกตั้ง ม.ค. 2569

ก่อนหน้านี้รัฐบาลประกาศ ยุบสภา 31 มกราคม 2569 และจัดเลือกตั้งพร้อมประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 29 มีนาคม 2569 แต่ล่าสุดนายกฯ ประกาศพร้อมยุบสภา 12 ธ.ค. 2568 ไม่ต้องรอยึดไทม์ไลน์ 31 ม.ค. 69 ชี้รัฐบาลเสียงน้องอภิปรายก็แพ้ บอกอะไรที่ไม่เสร็จหลายอย่างอย่าตำหนิ-โยนต้องโทษคนยื่นอภิปราย ทำให้มีแนวโน้มจะจัดการเลือกตั้งช่วงเดือน ม.ค. 2569

ที่มา : posttoday , กรุงเทพธุรกิจ 

related