
SHORT CUT
พรรคการเมืองส่วนใหญ่ชูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องเป็นจุดขายหลักในการหาเสียงเลือกตั้ง นโยบายที่โดดเด่นมุ่งเน้นการลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มรายได้ให้ประชาชน
บรรยากาศการเมืองไทยกลับมาคึกคัก หลังจากมีการประกาศยุบสภา ล่าสุด กกต. ได้เคาะวันที่คนไทยต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้วคือ วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจับตามองว่าเป็น "จุดเปลี่ยน" สำคัญ เพราะไม่ใช่แค่การสลับขั้วอำนาจ แต่คือการเดิมพันด้วยนโยบายแก้ปัญหาระดับโครงสร้างของประเทศ
สนามเลือกตั้งครั้งนี้ดุเดือดกว่าครั้งไหนๆ เพราะผู้สมัครต้องตอบโจทย์วิกฤตที่รุมเร้า
ภายใต้การนำของอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทยกำลังประกาศศักดาด้วยสโลแกนใหม่ที่อัปเกรดกว่าเดิมอย่าง “พูดแล้วทำพลัส” โดยมีเป้าหมายใหญ่คือการก้าวขึ้นเป็นพรรคอันดับหนึ่งของประเทศ พร้อมชูจุดขายการเป็น "รัฐบาลที่ไร้รอยต่อ" ต่อยอดนโยบายจากปัจจุบันสู่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
หัวใจสำคัญของแคมเปญนี้ คือการประกาศสงครามกับ "4 ภัย" ที่กัดกินคุณภาพชีวิตคนไทย
เน้นการแก้ปัญหาปากท้องแบบครบวงจร ทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว
ยืนหยัดในจุดแข็งเรื่องการป้องกันประเทศ โดยพร้อมสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มกำลังในการปกป้องอธิปไตย เพื่อให้มั่นใจว่าความขัดแย้งตามแนวชายแดนจะไม่ลุกลามเข้ามาส่งผลกระทบต่อความสงบสุขภายในประเทศ
พรรคเพื่อไทยมุ่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะเรื่องรายได้ ความเหลื่อมล้ำ และหนี้สินของประชาชน
นอกจากนี้ยังคงตอกย้ำจุดเด่นเดิม คือทำนโยบายที่เกิดขึ้นจริงไม่ใช่แค่หาเสียง ด้วยประโยคที่ว่า “ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้”
หัวใจสำคัญของเพื่อไทยคือการทำให้ประชาชน "หายใจคล่อง" ตั้งแต่ช่วงแรกของการบริหาร โดยโฟกัสไปที่ 2 นโยบายไฮไลต์
เพื่อให้ประเทศไทยหลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง พรรคเสนอแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทั้งระดับฐานรากและระดับโลก:
"ไทยไม่เทา เท่ากัน ทันโลก"
พรรคประชาชนยังคงเดินหน้าด้วยดีเอ็นเอเดิมที่ชัดเจน นั่นคือการเน้นจุดแข็งด้านการ "ปฏิรูปเชิงโครงสร้าง" โดยไม่ได้มองแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการรื้อกระดานเพื่อเปลี่ยนสมดุลอำนาจใหม่ทั้งประเทศ
โจทย์การเมืองหลักที่พรรคชูเป็นธงนำคือการทำ "รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน" ซึ่งไม่ใช่แค่การแก้ไขรายมาตรา แต่มีเป้าหมายลึกไปกว่านั้น
สโลแกนนี้ไม่ใช่แค่คำคล้องจอง แต่คือการสรุป 3 เสาหลักที่พรรคพยายามสื่อสาร
พรรคประชาธิปัตย์ ใช้แคมเปญหาเสียงหลักว่า “ไทยหายจน” และแนวคิด “ประเทศไทยไม่ทน” เน้นแก้ปัญหาความยากจน ปากท้อง และคุณภาพชีวิตประชาชน พร้อมย้ำความสำคัญของ การเมืองสุจริต และ ความเป็นมืออาชีพในการบริหารประเทศ
แนวคิดและแก่นหลักของนโยบาย คือ เศรษฐกิจและปากท้อง แก้ปัญหาความยากจนและสร้างสภาพเศรษฐกิจที่ช่วยยกระดับรายได้ประชาชน รับฟังปัญหาปากท้องของประชาชน
พรรคกล้าธรรมเป็นพรรคที่ต้องจับตามองในการเลือกตั้ง 2569 เพราะอาจจะมีบทบาทสำคัญในการตั้งรัฐบาล จุดยืนสำคัญของพรรคกล้าธรรม เน้น “ทำจริง มากกว่าพูด” โดยประกาศยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในการปกครองประเทศ พรรคกล้าธรรมยังไม่มีการประกาศนโยบายอย่างเป็นทางการ
พรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศสโลแกน “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ”
นโยบายที่สำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ
ด้านเศรษฐกิจ
การศึกษา
อยากเรียนอะไรต้องได้เรียน-ใช้หนี้ด้วยงาน
แม้เราจะเริ่มเห็นการหาเสียงและแคมเปญต่างๆ ออกมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า "นโยบายฉบับทางการ" ของพรรคการเมือง ยังไม่ได้ถูกประกาศออกมาแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งมีเหตุผลสำคัญด้านกฎหมายและกลยุทธ์กั้นกลางอยู่
การที่พรรคการเมืองยังไม่เปิดไพ่หมดในตอนนี้ มีนัยสำคัญ 2 ด้าน