svasdssvasds

เลือกตั้ง 69 คำนวณสูตร สส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 20 ต้องใช้ 8 ล้านเสียง!

เลือกตั้ง 69 คำนวณสูตร สส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 20 ต้องใช้ 8 ล้านเสียง!

วิเคราะห์เลือกตั้ง 2569 กางบัญชีรายชื่อ 20 อันดับแรก พรรคไหนส่งใครลงบ้าง พร้อมเปิดสูตรคณิตศาสตร์การเมือง อันดับท้ายๆ ต้องลุ้นเหนื่อย คะแนนมหาชนต้องถึง

SHORT CUT

  • บทความวิเคราะห์ว่าในการเลือกตั้งปี 2569 หากมีผู้มาใช้สิทธิใกล้เคียงปี 2566 คะแนนเฉลี่ยต่อ สส. บัญชีรายชื่อ 1 คน จะอยู่ที่ประมาณ 397,500 คะแนน
  • พรรคการเมืองที่ต้องการให้ผู้สมัครในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 20 ได้เป็น สส. จะต้องได้รับคะแนนเสียงมหาชน (Popular Vote) สูงถึงเกือบ 8 ล้านเสียง
  • เป้าหมาย 8 ล้านเสียงถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เพราะในการเลือกตั้งปี 2566 แม้แต่พรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์หรือภูมิใจไทยยังได้ สส. บัญชีรายชื่อเพียง 3 ที่นั่ง

วิเคราะห์เลือกตั้ง 2569 กางบัญชีรายชื่อ 20 อันดับแรก พรรคไหนส่งใครลงบ้าง พร้อมเปิดสูตรคณิตศาสตร์การเมือง อันดับท้ายๆ ต้องลุ้นเหนื่อย คะแนนมหาชนต้องถึง

เจาะลึกสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์: จากบทเรียนปี 66 สู่สมรภูมิเลือกตั้งปี 69

ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2566 ตัวเลข "คะแนนมหาชน" หรือ Popular Vote กลายเป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดชะตากรรมของพรรคการเมืองในสภาฯ โดยเฉพาะในระบบบัญชีรายชื่อที่มีที่นั่งรวม 100 ที่นั่ง


ย้อนรอยปี 2566: 1 ที่นั่งราคาเท่าไร?

ในการเลือกตั้งปี 2566 มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อรวม 39,514,973 คน เมื่อหารด้วยจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ 100 ที่นั่ง จะพบว่า คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 คน อยู่ที่ประมาณ 395,150 คะแนน


สรุปผลคะแนนมหาชนและจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อรายพรรค (ปี 2566)

  • พรรคก้าวไกล: 14,438,851 คะแนน ได้ 39 ที่นั่ง
  • พรรคเพื่อไทย: 10,962,522 คะแนน ได้ 29 ที่นั่ง
  • พรรครวมไทยสร้างชาติ: 4,766,408 คะแนน ได้ 13 ที่นั่ง
  • พรรคภูมิใจไทย: 1,138,202 คะแนน ได้ 3 ที่นั่ง
  • พรรคประชาธิปัตย์: 925,349 คะแนน ได้ 3 ที่นั่ง
     

กางบัญชีรายชื่อ 20 อันดับแรก 5 พรรคใหญ่ เตรียมสู้ศึกปี 2569


จากการรวบรวมข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อสำหรับการเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พบขุมกำลังที่น่าสนใจของแต่ละพรรค ดังนี้


พรรคประชาชน (เบอร์ 46) — ขุนพลเลือดใหม่และแกนนำเดิม


1. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ | 2. ศิริกัญญา ตันสกุล | 3. วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร | 4. เซีย จำปาทอง | 5. อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์
2. ณัฐยา บุญภักดี | 7. ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ | 8. รังสิมันต์ โรม | 9. พริษฐ์ วัชรสินธุ | 10. สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ
3. สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล | 12. ธีระ สุธีวรางกูร | 13. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล | 14. ณัฐวุฒิ บัวประทุม | 15. กิตติพงษ์ ปิยะวรรณโณ
4. วาโย อัศวรุ่งเรือง | 17. วิสุทธิ์ ตันตินันท์ | 18. ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร | 19. พูนศักดิ์ จันทร์จำปี | 20. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์


พรรคเพื่อไทย (เบอร์ 9) — การผสมผสานระหว่างสายวิชาการและนักการเมืองเก๋า


1. ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ | 2. จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ | 3. สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ | 4. ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร | 5. ประเสริฐ จันทรรวงทอง
2. จาตุรนต์ ฉายแสง | 7. ชูศักดิ์ ศิรินิล | 8. สุทิน คลังแสง | 9. วิสุทธิ์ ไชยณรุณ | 10. สุชาติ ธาดาธำรงเวช
3. สุชาติ ตันเจริญ | 12. สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล | 13. ธงธรรม เวชยชัย | 14. ณัฐธิดา เทพสุทิน | 15. ประยุทธ์ ศิริพานิชย์
4. อดิศร เพียงเกษ | 17. ขัตติยา สวัสดิผล | 18. จักรภพ เพ็ญแข | 19. พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ | 20. มังกร ยนต์ตระกูล

พรรคกล้าธรรม (เบอร์ 42) — ทัพหลวงของ "ผู้กอง" และแนวร่วมใหม่


1. ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า | 2. ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ | 3. นาง ปวีณา หงสกุล | 4. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ | 5. วิกรม เตชะธีราวัฒน์
2. ดร.เจนจิรา รัตนเพียร | 7. นัจมุดดีน อูมา | 8. ฉัตรชัย นิติภักดิ์ | 9. พ.อ.ยุทธพงศ์ พิพิธภักดี | 10. พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ
3. กองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ | 12. นิกร ซัจเดว์ | 13. ชาญวิทย์ มุนิกานนท์ | 14. บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ | 15. มุข สุไลมาน
4. มนตรี ปาน้อยนนท์ | 17. ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ | 18. เอกราษฎร์ ช่างเหลา | 19. สุธี พงษ์เพียรชอบ | 20. ดร.ไพโรจน์ ตันบรรจง


พรรคประชาธิปัตย์ (เบอร์ 27) — การกลับมาของ "อภิสิทธิ์" และรวมพลังผู้อาวุโส

1. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | 2. ชวน หลีกภัย | 3. กรณ์ จาติกวณิช | 4. การดี เลียวไพโรจน์ | 5. ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์
2. อัมพร พินะสา | 7. สาทิตย์ วงศ์หนองเตย | 8. ชัยชนะ เดชเดโช | 9. สกลธี ภัททิยกุล | 10. รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี
3. อิสรา สุนทรวัฒน์ | 12. สงกรานต์ จิตสุทธิภากร | 13. เมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด | 14. จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ | 15. เจิมมาศ จึงเลิศศิริ
4. สาธิต ปิตุเตชะ | 17. องอาจ คล้ามไพบูลย์ | 18. ราเมศ รัตนะเชวง | 19. นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ | 20. กันตวรรณ ตันเถียร


พรรคภูมิใจไทย (เบอร์ 37) — ศูนย์รวมขุนพลต่างค่ายและบิ๊กเนม

1. อนุทิน ชาญวีรกูล | 2. ไชยชนก ชิดชอบ | 3. วราวุธ ศิลปอาชา | 4. สันติ พร้อมพัฒน์ | 5. ซาบีดา ไทยเศรษฐ์
2. ชลัฐ รัชกิจประการ | 7. เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ | 8. ศุภมาส อิศรภักดี | 9. พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ | 10. ไตรศุลี ไตรสรณกุล
3. นันทนา สงฆ์ประชา | 12. ร่มธรรม ขำนุรักษ์ | 13. กฤษฎา หลีนวรัตน์ | 14. ศศิธร กิตติธรกุล | 15. ศุภชัย ใจสมุทร
4. เผดิมชัย สะสมทรัพย์ | 17. เกรียงยศ สุดลาภา | 18. ธนกร วังบุญคงชนะ | 19. รินทร์ลิตา อดิษะ | 20. นิกร จำนง
 

สมมติฐานคะแนนเลือกตั้งปี 2569: ต้องได้เท่าไร "ตัวตึง" ถึงจะรอด?

จากการวิเคราะห์เชิงข้อมูล หากการเลือกตั้งปี 2569 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 53 ล้านคน (และอ้างอิงฐานจำนวนราษฎร ณ ปี 2567 ที่ 64.9 ล้านคน) หากสมมติว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิใกล้เคียงเดิม (ประมาณ 75%) จะมีคะแนนมหาชนรวมประมาณ 39,750,000 คะแนน

สูตรคำนวณคะแนนที่ต้องการ

  • คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส. 1 ที่นั่ง: ประมาณ 397,500 คะแนน
  • หากต้องการให้ลำดับที่ 10 ได้เป็น ส.ส.: พรรคนั้นต้องทำคะแนนให้ได้ประมาณ 3,975,000 คะแนน
  • หากต้องการให้ลำดับที่ 20 (ท้ายตารางตัวตึง) ได้เป็น ส.ส.: พรรคนั้นต้องกวาดคะแนนมหาชนให้ได้ถึง 7,950,000 คะแนน

 

ตัวเลขนี้คือความท้าทายมหาศาล เพราะแม้แต่พรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์หรือภูมิใจไทย ในปี 2566 ยังกวาดที่นั่งบัญชีรายชื่อไปได้เพียงพรรคละ 3 ที่นั่งเท่านั้น ดังนั้นการที่ "ตัวตึง" ลำดับที่ 10-20 จะเข้าสภาได้ พรรคต้องสร้างปรากฏการณ์ "แลนด์สไลด์" หรือดึงคะแนนนิยมทั่วประเทศให้ได้มหาศาลจริงๆ

related