คู่แค้นร่วมเมือง ทำไมต้องใช้คำว่า "ดาร์บี้แมตช์" คำๆนี้ มีที่มาอย่างไร และเกมแห่งศักดิ์ศรีในโลกของฟุตบอลมีจุดเริ่มต้นมาตอนไหน
ภาพของเกมที่สู้กันอย่างถึงลูกถึงคน การเข้าบอลที่หนักหน่วงทะลุองศาเดือด หรือ การใส่กันแบบไม่ยั้งตลอด 90 นาที เสียบแบบถอนรากถอนโคน- บรรยากาศกองเชียร์ที่เสียงดังกึกก้อง
นี่คือภาพจำของ ‘ดาร์บี้ แมตช์’ การแข่งขันที่แฟนบอลทั่วโลกต่างรู้ดีว่ามันเป็นมากกว่าแค่เกม 90 นาที แต่มันคือสงครามแห่งศักดิ์ศรี ประวัติศาสตร์ และความภาคภูมิใจของท้องถิ่น แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า คำที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังและความดุเดือดนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ใด? คำตอบอาจทำให้คุณประหลาดใจ เพราะมันไม่ได้มาจากสนามฟุตบอล แต่มาจากสนามแข่งม้าของเหล่าชนชั้นสูงอังกฤษ
หากจะสืบสาวราวเรื่องให้ถึงต้นตอ เราต้องย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 18 ณ เมืองผู้ดีอย่างประเทศอังกฤษ ในปี 1778 เอ็ดเวิร์ด สมิธ-สแตนลีย์ เอิร์ล (Earl) ลำดับที่ 12 แห่งดาร์บี้ ได้ริเริ่มการแข่งขันม้าครั้งสำคัญขึ้นในชื่อ ‘ดิ เอปซัม ดาร์บี้’ (The Epsom Derby) ณ สนามแข่งม้าเอปซัม ดาวน์ส ในมณฑลเซอร์เรย์
การแข่งขันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเฟ้นหาม้าที่ดีที่สุดในรุ่นอายุ 3 ปี และด้วยความที่เป็นกีฬายอดนิยมของชนชั้นสูงในยุคนั้น ประกอบกับสถานที่จัดงานที่เดินทางสะดวกสำหรับชาวลอนดอน ทำให้ ‘เดอะ ดาร์บี้’ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในเวลาอันรวดเร็ว มันไม่ได้เป็นเพียงการแข่งม้า แต่ได้กลายเป็นเทศกาลทางสังคมที่สำคัญ ที่ซึ่งผู้คนมาพบปะสังสรรค์และร้านค้าต่างๆ นำสินค้ามาจัดแสดง ความยิ่งใหญ่ของการแข่งขันนี้ถึงขนาดที่ว่า หากวันประชุมรัฐสภาเกิดไปตรงกับวันแข่งม้า ก็จำเป็นต้องเลื่อนการประชุมออกไป เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเหล่าสมาชิกสภาคงหนีไปชมการแข่งขันกันหมด
ด้วยชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของ ‘เดอะ ดาร์บี้’ คำนี้จึงกลายเป็นคำคุณศัพท์ที่ถูกหยิบยืมไปใช้เรียกการแข่งขันกีฬารายการสำคัญอื่นๆ ที่มีความเข้มข้น น่าติดตาม และเป็นที่จับตามองไม่แพ้กัน
เมื่อกาลเวลาเดินไปข้างหน้าตามลูกศร ความนิยมของกีฬาแข่งม้าเริ่มลดน้อยลง สวนทางกับกีฬาฟุตบอลที่กำลังเบ่งบานและกลายเป็นกีฬาของมหาชน คำว่า ‘ดาร์บี้’ จึงถูกนำมาปรับใช้ในบริบทใหม่ การปรากฏตัวครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลเกิดขึ้นในปี 1914 เมื่อหนังสือพิมพ์ เดลี เอ็กซ์เพรส (Daily Express) ได้พาดหัวโปรโมตการแข่งขันระหว่างสองสโมสรอริร่วมเมืองอย่าง ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน โดยใช้คำว่า ‘ดาร์บี้’ (ปัจจุบันคู่นี้คือ เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้แมตช์)
นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คำนี้หยั่งรากลึกลงในวัฒนธรรมฟุตบอล สื่อมวลชนได้สุมไฟแห่งการแข่งขันให้โหมกระหน่ำ โดยชี้ให้เห็นว่านี่คือศึกชี้ขาดว่าเมืองเมอร์ซีย์ไซด์แห่งนี้จะเป็นสีแดงของลิเวอร์พูล หรือสีน้ำเงินของเอฟเวอร์ตัน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ‘ดาร์บี้ แมตช์’ จึงกลายเป็นคำที่ใช้นิยามการเผชิญหน้ากันของทีมที่มาจากเมืองหรือภูมิภาคเดียวกันโดยสมบูรณ์
ความดุเดือดเลือดพลุ่งพล่านของดาร์บี้ แมตช์ ไม่ได้เกิดขึ้นจากแค่การแข่งขันในสนาม แต่เกิดจากปัจจัยที่ซับซ้อนและหยั่งรากลึกในวิถีชีวิตของผู้คน
สิทธิในการคุยโว (Bragging Rights): แก่นแท้ เนื้อแท้ที่สุดของดาร์บี้คือเรื่องของศักดิ์ศรีในท้องถิ่น เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน อาจเชียร์ทีมคู่อริ ผลการแข่งขันในวันนั้นจึงเป็นตัวกำหนดว่าใครจะเป็นฝ่ายที่ได้คุยโวไปอีกหลายเดือน
ตัวตนและอัตลักษณ์: สโมสรฟุตบอลมักเป็นภาพสะท้อนของชุมชน การแข่งขันจึงเป็นเรื่องของตัวตนและอัตลักษณ์ที่มากกว่าแค่กีฬา เช่น โอลด์ เฟิร์ม ดาร์บี้ ระหว่างเซลติก (ตัวแทนผู้อพยพชาวไอริชคาทอลิก) และเรนเจอร์ส (ตัวแทนชาวสกอตแลนด์โปรเตสแตนต์) ซึ่งมีมิติทางศาสนาและการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น
การขยายความหมาย: ในยุคปัจจุบัน ‘ดาร์บี้ แมตช์’ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทีมจากเมืองเดียวกันเสมอไป แต่ยังขยายครอบคลุมถึงการแข่งขันของทีมที่เป็นคู่ปรับกันทางประวัติศาสตร์หรือแย่งชิงความสำเร็จกันมาอย่างยาวนาน ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ เอล กลาซิโก้ ระหว่างเรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่างแคว้นคาสตีลและแคว้นกาตาลุญญา หรือ แดร์ คลาสสิเคอร์ ระหว่างบาเยิร์น มิวนิค และโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเยอรมนี
จาก ‘เอปซัม ดาร์บี้’ สู่ ‘แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้’, ‘นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้’, หรือ ‘ดาร์บี้ เดลลา มาดอนนิน่า’ Derby della Madonnina ในเมืองมิลาน คำว่า ‘ดาร์บี้’ ได้เดินทางผ่านกาลเวลากว่าสองศตวรรษ จากการแข่งขันเพื่อความบันเทิงของชนชั้นสูง
ทั้งนี้ ทั้งนั้น ดาร์บี้ แมตช์ ยังไม่ต้องขึ้นอยู่กับความเป็น อริ ทางภูมิศาสตร์อย่างเดียว , แต่อาจจะใช้ บอกความขัดแย้งของสองทีมอย่างยักษ์ อาทิ Derby d'Italia ดาร์บี้ ดิ อิตาเลีย ระหว่าง อินเตอร์ มิลาน (เมืองมิลาน) กับ ยูเวนตุส (เมือง ตูริน) ที่ทั้งสองทีมแทบจะไม่เผาผีกันเลย
ดาร์บี้แมตช์ ถือเป็นนิยามของเกมฟุตบอลที่เดิมพันด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง มันคือวันที่เมืองทั้งเมืองจะหยุดนิ่ง คือการต่อสู้ที่ผลแพ้ชนะจะถูกจดจำไปอีกนาน และคือเครื่องพิสูจน์ว่าฟุตบอลเป็นมากกว่าแค่กีฬา แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและจิตวิญญาณของผู้คนอย่างแท้จริง
ที่มา : theguardian playtoday.co voi.id
ข่าวที่เกี่ยวข้อง