svasdssvasds

อยากเป็น “ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก” ต้องทำอย่างไร

อยากเป็น “ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก” ต้องทำอย่างไร

เคยสงสัยไหม ว่าประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก เขาใช้อะไรวัด แล้วทำไมฟินแลนด์ถึงครองแชมป์ได้ยาวถึง 6 สมัย ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่เท่าไหร่

เวลาที่เขามีประกาศเรื่อง ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก เคยลุ้นกันไหมว่าประเทศเราจะติดอันดับที่เท่าไหร่ หรือพอประกาศออกมาก็งงๆ หรือสงสัยไหมว่าประเทศเขาไม่เครียดกันเลยหรอ เดี๋ยวมาไขข้อข้องใจกันค่ะ ส่วนประเทศไทยได้อันดับที่เท่าไหร่ดูให้จบนะคะ

สำหรับปี 2023 World Happiness Report จากสหประชาชาติ (U.N.)  ก็ประกาศไปแล้วว่า“ฟินแลนด์” เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก และคว้าแชมป์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 
1.ฟินแลนด์ 2.เดนมาร์ก 3.ไอซ์แลนด์ 4. อิสราเอล 5. เนเธอร์แลนด์ 6. สวีเดน 7. นอร์เวย์ 8. สวิตเซอร์แลนด์ 9. ลักเซมเบิร์ก 10. นิวซีแลนด์

โดยเขาได้รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจประชากรใน 137 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาหว่างปี 2020-2022 คาบเกี่ยวในช่วงที่เกิดโรคระบาดขึ้น โดยใช้ปัจจัย 7 ประการในการวัดความสุขในชีวิต ได้แก่ 
1.ค่าเฉลี่ยจีดีพีต่อประชากร 
2.การสนับสนุนทางสังคม ช่วงลำบากมีใครให้พึ่งพา
3.ช่วงอายุของประชากร มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ 
4.อิสระในการเลือกทางเดินชีวิต
5.ความเอื้ออาทรในสังคม เห็นอกเห็นใจแบบช่วยเหลือเกื้อกูล
6.มุมมองที่มีต่อการคอร์รัปชัน  
7.แนวคิดถึงโลกที่ไม่พึงปรารถนา (dystopia) เป็นสังคมที่ไม่พึงประสงค์หรือน่าหวาดกลัว ปกครองด้วยระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ หรือมีภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือ "สถานที่เลวร้าย"
 

คราวนี้เราลองมาดูลึกๆกันว่าทำไมฟินแลนด์ถึงครองแชมป์มาได้ถึง 6 สมัย
ถ้าเราในฐานะนักท่องเที่ยวมองเข้าไปในฟินแลนด์ก็คงเป็นเป้าหมายสำหรับคนชอบผจญภัย ความหนาว และแสงเหนือ แต่สำหรับประชากรในประเทศนนี้เขามีอะไรที่น่าอิจฉามากกว่าความสวยงามของธรรมชาติอีกค่ะ 


สวัสดิการที่ทุกคนพึงมี
สวัสดิการที่ดี ก็มาจากภาษีของประชาชนนี่แหละ โดยเขามีการสำรวจถึงการคอร์รัปชั่นจากทั่วโลกพบว่า ฟินแลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการทุจริตน้อยที่สุดในโลก ทำให้ภาษีของประชาชนถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ชาวฟินแลนด์ทุกคนมีสวัสดิการรักษาพยาบาลและเรียนหนังสือฟรี มีระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบน้ำประปาที่สะอาดที่สุดในโลก

การศึกษาดีที่สุดในโลก
สวัสดิการให้โอกาสเด็กทุกคนศึกษาอย่างเท่าเทียมตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และการศึกษาของฟินแลนด์ไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปถึงปริญญาโท-เอก จนสามารถคว้าอันดับหนึ่งของประเทศที่มีระบบการศึกษาที่มีผลสัมฤทธิ์สูงที่สุดในโลก โดยประชากรฟินแลนด์รู้หนังสือเกือบ 100% เพราะทางการเขาเชื่อว่าการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ช่วยให้คนแต่ละคนสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่

ความเท่าเทียม
รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายที่ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในสังคม ทั้งด้านสิทธิมนุษยชน และความเสมอภาค เช่น ความเท่าเทียมทางเพศ

กลับมาดูฝั่งเอเชียบ้าง ประเทศที่มีความสุขมากสุดในเอเชีย ได้แก่ “สิงคโปร์” ส่วนประเทศ“ไทย” ได้อันดับ 60 ไปครอง 

สุดท้ายนี้ เกณฑ์ในการตัดสินแต่ละปีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีรายละเอียดมากกว่านี้ จนทำให้รัฐบาลบางประเทศก็จะเอาเรื่องความสุขมวลนรวมของประชากรในประเทศมาเป็นนโยบายในการหาเสียงด้วยนะ