ภาวะมองเห็นสีต่างกัน หรือตัวหนังสือวิ่งได้ หากคุณพบเจอปัญหาเหล่านี้ เช่น มองเห็นตัวหนังสือเบลอๆ บิดเบี้ยว มองเห็นสีไม่เหมือนคนอื่น ชอบปวดศีรษะ ดวงตาแพ้แสงบ่อยๆ คุณอาจเป็น 1 ใน 6 คนบนโลกที่มีปัญหาด้านการอ่าน เนื่องมาจากภาวะ Irlen Syndrome อยู่ก็ได้
เด็กและผู้ใหญ่หลายล้านคนมักไม่รู้ตัวว่าตนเองมีภาวะ Irlen Syndrome ซึ่งเป็นภาวะที่สมองไม่สามารถประมวลผลคลื่นแสง หรือสีบางสีได้ อาจทำให้การมองเห็นดูแปลกๆไป อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง เช่นปัญหาด้านการอ่านและคณิตศาสตร์ ดวงตาไวต่อแสง ปวดศีรษะ ปวดท้อง เวียนศีรษะ ไม่สามารถเพ่งความสนใจบางสิ่งบางอย่าง เหมือนสมาธิสั้น ซุ่มซ่าม และอาจมีปัญหาด้านการเล่นกีฬา สาเหตุของการภาวะนี้อาจจะเกิดได้ทั้งจากพันธุกรรม และอาการบาดเจ็บที่สมอง ไข้สูงและไวรัสได้เช่นกัน
ภาวะ Irlen Syndrome ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่สีเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัญหาหลักๆคือการมองเห็นตัวอักษรในหนังสือที่แปลกไป เช่น ตัวหนังสือเบลอ ตัวหนังสือวิ่งได้ สายตาโฟกัสไปที่คำบางคำ หรือตัวหนังสือทับซ้อนกัน เป็นส่วนใหญ่ ส่วนสีจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเด็กมองเห็นสีตามแม่สีอย่างถูกต้องจริงไหม
Henlen L. Irlen ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการสถาบัน Irlen Institute ได้อธิบายถึงการค้นพบภาวะ Irlen Syndrome และความคืบหน้าวิธีการรักษาด้วย Irlen Method ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความสนใจจากสื่อทั้งในและต่างประเทศ
เขาได้ผลิตหนังสือภาพที่เขียนโดย Catherine Matthias วาดภาพประกอบโดย Joan Gilbert ชื่อหนังสือว่า The World Gobblers ที่เน้นสื่อสารการรักษาในเด็กเป็นส่วนมาก เป็นคู่มือสำหรับผู้ปกครองและคุณครูให้สามารถทำงานกับเด็กที่มีปัญหาในการอ่าน โดยหนังสือจะกล่าวถึงปัญหาของภาวะเหล่านี้ ด้วยรูปภาพที่สดใสมีสีสัน ตัวอักษร พร้อมวิธีแก้ไขที่ง่ายและสามารถบรรเทาอาการได้ รวมไปถึงการให้กำลังใจ หนังสือมีแนวโน้มว่าจะสามารถแก้ปัญหาระยะยาวได้ด้วย หนังสือประกอบไปด้วยแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมและอาการ มีแบบฝึกหัดโต้ตอบโดยใช้กระดาษสีต่างๆ เพื่อช่วยให้ครูและผู้ปกครองทราบว่าเด็กมีภาวะนี้หรือไม่
เด็กบางคนที่อ่านหนังสือไม่คล่องหรือเล่นกีฬาไม่เก่ง มักจะถูกล้อเลียนหรือโดนรังแก ส่งผลให้รู้สึกอับอายหรือเห็นคุณค่าในตัวเองต่ำ ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจมาจากภาวะนี้นี่แหละ และภาวะนี้อาจส่งผลให้เด้กแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม มีปัญหาด้านการอ่านและการเขียนช้ากว่าคนอื่น หรือแม้กระทั่งเรื่องของการย่อยอาหารที่เด็กที่มีภาวะนี้จะไม่สามารถย่อยอาหารบางชนิดได้ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ หรือถั่วลิสง จากผลการศึกษาจะพบคนที่เป็นภาวะนี้ 1 ใน 6, 10 ใน 60, และ 100 ใน 600 ที่มีภาวะเดียวกัน หนังสือ The World Gobblers จัดพิมพ์โดย Square One Publishers นิวยอร์ก ราคาประมาณ 530 บาทไทย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ปัญหาด้านการมองสีที่เพี้ยนไปมันเกิดจากภาวะนี้อย่างเดียว อาการที่ตามองเห็นสีไม่เหมือนกันอาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นได้อีก เช่น เซลล์ปราสาทรับสีในดวงตาของแต่ละคนมีปริมาณไม่เท่ากัน หรือการกระทบของแสงและสีที่ผิดปกติตั้งแต่เด็กรวมไปถึงการรับรู้ที่อาจจะทำให้ผู้เห็นสีนั้นจดจำและเข้าใจมาตลอดว่าสีนี้ชื่อนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจมาจากอาการผิดปกติของการรับรู้สีที่มีมาแต่เด็กก็เป็นไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Psyjai (ใส่ใจ) แชทบอทที่เป็นผู้ช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต ทุกข์ เครียด ทักมา!
ฮีโมฟีเลีย โรคร้ายจากพันธุกรรมบางคนกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นก็สายไป
10 ตุลาคม World Mental Health Day ขอให้วันนี้เป็นวันสุขภาพจิตที่ดีของทุกคน
อนึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์อีกประการ จากศ.โบ ล็อตโต ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาแห่งยูนิเวอร์ซิตีคอลเลจลอนดอน เปิดเผยว่า การพัฒนาของสมองไม่ได้เอื้อให้เราฟันธงสีที่เราเห็นเป๊ะๆ สมองจะสั่งให้เราสนใจแค่ความแตกต่างระหว่างสีมากกว่าที่เราจะสนใจที่ตัวสี
หรือทฤษฎีการปรับค่าสีของแสงว่าไปในทิศทางใด ที่ว่าตอนนี้เราอยู่ในสภาพแสงแบบไหน การตกสะท้อนของสีและแสงในช่วงเวลานั้นๆก็อาจมีผลต่อการมองเห็นสีที่แตกต่างกันได้
ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะประสบปัญหานี้หรือไม่ การทดสอบด้วยหนังสือ The World Gobblers อาจจะช่วยให้คุณได้รู้ตัวเองมากขึ้นว่าคุณมีภาวะ Islen Syndrome หรือไม่