svasdssvasds

Red Code! อุณหภูมิโลกกำลังสูงขึ้น กทม.จะจมน้ำจริงไหม? Story of Green Ep.2

Red Code! อุณหภูมิโลกกำลังสูงขึ้น กทม.จะจมน้ำจริงไหม? Story of Green Ep.2

น้ำท่วมโลก หรือน้ำท่วมกรุงเทพฯ เป็นเรื่องที่เคยทำนายกันไว้เมื่อปี 2012 แต่ก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่มาวันนี้น้ำอาจจะท่วมจริงก็ได้ เพราะคนทำนายคือวิทยาศาสตร์

เรื่องเล่าของการคาดการณ์ว่าน้ำจะท่วมโลก โดยเฉพาะกรุงเทพฯจะจมอยู่ใต้น้ำ ที่หลายคนอาจมองว่า บ้าเหรอ! มันจะเกิดขึ้นได้ไง? กรุงเทพฯเนี่ยนะจะจมน้ำ นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่หนังเรื่อง 2012 นะ แต่คุณอย่าชะล่าใจไป เพราะเราเคยหวาดเสียวกับคำทำนายไปแล้ว แต่ก็อาจเสียวสันหลังได้อีกหากคำทำนายนั้นกลับกลายมาเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือได้

งานวิจัยชิ้นใหม่โดย Climate Central แสดงให้เห็นว่าเส้นทางการปล่อยมลพิษในปัจจุบันเป็นหนทางนำไปสู่ภาวะโลกร้อนที่ร้อนขึ้น 3 องศาเซียลเซียสในเมืองใหญ่ทั่วโลกประมาณ 50 เมือง ซึ่งต้องหารทางป้องกันและแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะสูญเสียพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นไป จากการหนุนของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี จากการสะสมของมลภาวะในตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา

ตอนนี้เรายังพอมีโอกาสเปลี่ยนแปลงอนาคตเหล่านี้ จากการร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายข้อตกลงด้านสภาพอากาศ หรือข้อตกลงปารีส ที่มีเหล่าผู้นำจากทั่วโลกเข้าร่วมเป็นสมาชิกภาคี 190 รัฐ และผู้ลงนาม195 รัฐและร่วมลงนามเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2559 เพื่อลดแนวโน้มความเสี่ยงของสภาพอากาศลงกว่าครึ่งหนึ่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิทยาศาสตร์ของ Climate Central ได้ตรวจสอบบริเวณเมืองที่ประชากรมีความเสี่ยงมากที่สุดใน 200-2000ปีข้างหน้า และได้พบกับผลลัพธ์ที่น่าตกใจ

ส่วนหนึ่งของวิกฤตที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์โลก

รายงานนี้เป็นการร่วมมือระหว่างนักวิจัยมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันและสถาบันโพสต์แดมเพื่อการวิจัยผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศในเยอรมนี บทความวิจัยนี้ผ่านการตรวจสอบ โดย Climate Central โดยมุ่งไปที่ความแตกต่างระหว่างสถานการณ์ที่ร้อนขึ้น 4 องศาเซียลเซียสและ 2 องศาเซียลเซียส และได้ไปปรากฎในวารสารวิทยาศาสตร์ Environmental Research Letters. รายงานสรุปไว้เรื่องความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิ 1.5 องศาเซียลเซียสและ 3 องศาเซียลเซียส หากโลกไม่มีการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงให้มลภาวะลดลงไปกว่าครึ่งหนึ่งภายในปี 2030

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ทาง Climate Central ได้จำลองภาพในอนาคตของเมืองที่เสี่ยงต่อการเพิ่มระดับน้ำหากอุณหภูมิสูงขึ้น โดยใช้รูปภาพ Google Earth Climate Central และพัฒนาให้เป็นภาพเสมือนจริงของสถานที่ใกล้ชายฝั่งทะเล และสร้างภาพการเปรียบเทียบระหว่างภาพปัจจุบันกับอนาคต และร่วมมือกับศิลปินทัศนศิลป์ Nickolay Lamm เพื่อสร้างภาพประกอบที่เสมือนจริง 3 มิติ ซึ่งผู้คนสามารถดูได้ผ่านอินเตอร์เฟซ Picturing Our Future ซึ่งจะรวมถึงศูนย์กลางทางการเงิน สนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ วัดและโบสถ์ และอาคารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรมอื่นๆ แต่ละภาพผู้ชมสามารถเลื่อนรูปภาพเพื่อดูความแตกต่างของ before after เหตุการณ์ปกติและเหตุการณ์หลังอุณหภูมิสูงขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

ผู้ใช้งานสามารถป้อนที่อยู่หรือสถานที่ชายฝั่งทะเลได้เกือบทุกแห่งทั่วโลก เพื่อดูการคาดการณ์ว่าที่ดินจะต่ำกว่าระดับน้ำทะเลหรือไม่หากอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งมีให้เปรียบเทียบตั้งแต่ 1-4 องศาเซียลเซียส

บวกกับเมื่อต้นปีที่ผ่านมา IPCC คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Intergovernmental Panel on Climate Change ได้ทำการศึกษาและประเมินภาวะโลกร้อนของโลกและการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิพื้นผิวโลกมาตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจจุบัน และข้อมูลนั้นก็แสดงผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง

ดังนั้นการประชุม COP26 จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะให้ผู้นำจากทั่วโลกได้เล็งเห็นปัญหาของภาวะโลกร้อนอย่างชัดเจนขึ้น ไม่ใช่เพียงคำพูดที่สวยหรูอยู่หน้าโพเดี้ยม แต่ไม่ลงมือทำสักที อย่างที่นักเคลื่อนไหว เกรตา ธันเบิร์กเคยกล่าวไว้ ซึ่งเราต้องติดตามการประชุมนี้ว่าผลการประชุมจะออกมาเช่นไร และโลกจะเดินหน้าไปในทางที่ดีขึ้นได้หรือไม่

ที่มาข้อมูล Climate Central

related