คนดีเกินไป จนละเลย ที่จะดีกับตัวเอง ก็หมายถึงไม่ดีนะ
เคยได้ยินเหตุผลในการที่ใครสักคนเดินมาบอกเลิกเพราะว่า คุณเป็นคนดีเกินไปมั้ย หลายคนที่ได้ยินก็คงคิดแหละว่าเป็น คนดี มันไม่ดียังไงเหรอ ต้องเป็นคนเลวใช่มั้ยเธอถึงจะรักและไม่ทำให้เสียใจ
ถ้าสังเกตให้ดี จะมีคำว่า "...เกินไป" กำกับอยู่ด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าสมดุลในความสัมพันธ์นี้กำลังผิดทาง
เพราะเวลาที่เราตกอยู่ใน ห้วงแห่งความรัก เรามักจะให้ความสำคัญกับความต้องการของอีกคนนึงก่อน เพื่อทำให้คู่รักของเรามีความสุข ซึ่งการดูแลและถนอมความรู้สึกของผู้อื่นก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและมีความหมายให้กับชีวิต อย่างไรก็ตามเมื่อความสมดุลของการวางความต้องการของตัวเรากับผู้อื่นเทเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งเกินพอดี นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าบางสิ่งต้องการการเปลี่ยนแปลง
แม้ว่าจะฟังดูแปลก แต่บางครั้งเราก็กลายเป็น "คนดีเกินไป" อยู่ ลองนึกๆ กันดู
การตามใจคน หมายถึง แนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มากกว่าความเป็นอิสระส่วนบุคคล เพราะบ่อยครั้งที่เรา กลัวจะสูญเสียความรัก ความสัมพันธ์ จึงเปลี่ยนการตัดสินใจหรือพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่่ยงความขัดแย้ง แม้ว่าจะส่งผลเสียต่อความเป็นอยู่และความรู้สึกของเราเองก็ตาม
Amber Elizabeth Smith นักจิตบำบัดได้โพสถึง 8 สัญญาณเตือนถึงที่บ่งบอกว่าคุณกำลังอยู่ในโหมด คนดีเกินไป และแถมด้วยวิธีการออกจากตำแหน่งคนดีเกินไปนี้ไว้ด้วย การกำหนดขอบเขตและการจัดลำดับความสำคัญของความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ แม้ไม่สามารถดีดนิ้วเปลี่ยนได้ทันทีเหมือนทานอส หรือ ตื่นมาแล้วกลายเป็นคนใหม่ แต่การรู้และยอมรับสัญญาณดีเกินไปเหล่านี้จะช่วยปรับให้ตัวเองกลับมาเป็นที่หนึ่ง ในการลำดับความสัมพันธ์ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่ใช่เหรอ
1.ทิ้งสิ่งสำคัญที่กำลังทำอยู่ทันทีเพื่อเมื่อโดนขอความช่วยเหลือ
การช่วยเหลือคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี เราไม่ได้อยากให้คุณละเลยคำขอร้องจากคนอื่น แต่ถ้าอยู่ในจุดที่คุณให้ความสำคัญกับความต้องการของคนอื่นก่อนของตัวเองเสมอ และตัวเองก็ต้องยอมประณีประนอมเป็นประจำ อาจจะหมายความได้ว่าคุณกำลังเป็น นางแบก ของความสัมพันธ์นี้อยู่นะ ควรกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนและบอกให้คู่ของคุณรับรู้ด้วย
2.การเป็น “คนดี” เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของคุณ
คุณกลัวว่าคุณจะต้องเป็นแบบนี้ตลอด ไม่งั้นจะถูกตราหน้าว่าเป็น 'ตัวปลอม' ใครๆ ก็อยากถูกมองว่าเป็นคนดี แต่นั่นไม่ควรมาจากความกลัวที่จะถูกมองว่าเป็นอย่างอื่น หรือต้องยอมเสียสุขภาพจิต การหาเวลาให้ตัวเองและจัดลำดับความสำคัญของความต้องการของตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ควรรู้สึกผิด
3.รับผิดชอบความรู้สึกคนอื่นมากเกินไป
และจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ใครต้องเจ็บปวด แม้ว่านั่นจะหมายถึงการไม่ยืนหยัดเพื่อตัวเอง หากพบว่าตัวเองกำลังเป็นตัวกลางของคนในครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนอยู่เสมอ ควรหาเวลาค้นหาตัวตนที่แท้จริงของคุณ
และตรวจเช็กความสมดุลในความสัมพันธ์ที่คุณอยู่ จะช่วยฟื้นตัวจากความพอใจของผู้คนรอบๆตัวได้
4.ให้อภัยง่ายและยอมให้คนเข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์ในรูปแบบที่เป็นอันตรายซ้ำเดิม
การอภัยเป็นการเยียวยาและคุณธรรมที่ดีที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากความผิดพลาดและรู้สึกผิด แต่ควรมอบให้แก่ผู้ที่เหมาะสมจะได้รับเท่านั้น ถ้าคุณมีเพื่อนหรือครอบครัวที่เป็นพิษและสร้างบาดแผลในใจให้คุณตลอด จนกลายเป็นความเครียดและไม่มีความสุข ถึงเวลาแล้วที่ต้องถอยออกมาจากความสัมพันธ์ชั่วคราว เพื่อมองหาสมดุลใหม่ในการรับมือหรือตัดขาดจากพวกเขาถ้าทำได้
5.เมื่อมีคนไม่พอใจคุณจะพยายามทำให้คนกลับชมเชยแทน
การที่มีคนทำตัวไม่ดีกับคุณ นั่นเป็นเพราะเขาเป็นคนแบบนั้น ไม่ใช่เพราะคุณทำให้พวกเขาไม่พอใจ หรือต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง นั่นเพราะจะยิ่งสร้างบรรทัดฐานให้พวกเขายังสามารถทำตัวไม่ดีต่อไปและคุณก็ต้องปรับตัวเองเพื่อรับพฤติกรรมแย่ๆ ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อขึ้น
6.คุณเคยเอาตัวรอดด้วยการใช้ความเป็นคนดีมาก่อน
จึงกลายเป็นทักษะการเอาตัวรอดเพื่อเลี่ยงความขัดแย้ง แต่กลายเป็นว่าการเอาตัวออกมาจากความขัดแย้งและปล่อยผ่านไป เพื่อรักษาความสงบสุข จะเป็นการสะสมอารมณ์เก็บในกระปุกภายในใจ ทางออกที่ดีกว่าคือการปลดปล่อยความคาดหวังของผู้อื่นจะเป็นผลดีต่อสุขภาพจิตมากกว่า
7.เมื่อมีคนทำร้ายจิตใจหรือร่างกาย คุณตอบกลับด้วยคำว่า ไม่เป็นไร
การแสดงความรู้สึกที่แท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ตึงเครียดไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป แต่ถ้าคุณกำลังแก้ตัวให้กับพฤติกรรมแย่ๆ และไม่สามารถพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมาได้ นั่นหมายความว่ากำลังโดนเอาเปรียบอยู่นะ แก้ไขโดยการซื่อสัตย์และเคารพความรู้สึกตัวเองให้มากขึ้นอีกนิด
8.กลัวจะถูกตราหน้าว่าเป็นคน 'เห็นแก่ตัว' 'เป็นพิษ' หรือ 'ไม่เห็นอกเห็นใจ'
เพียงเพราะคุณมีปฏิกิริยาตอบกลับกับพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อคุณ กลายเป็นว่าคุณกลัวจะโดนมองว่าเป็นเพื่อนที่ไม่ดี ไม่เห็นอกเห็นใจ แม้จะเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกอย่างมีเหตุมีผลและจริงใจก็ตาม
การทำดีต่อผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดี และถ้ามีโอกาสก็ควรยื่นมือช่วยเหลือกันและกัน แต่การไม่ตรวจเช็กและประเมินตัวเองว่า คนอื่นนั้นเหมาะสมกับการทำดีด้วยรึปล่าก็ทำให้เรามองข้ามความรู้สึกและไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง จนโดนเอาเปรียบและแปะป้ายว่าเป็น “คนดีเกินไป” จนหลงทางและสูญเสียความต้องการของตัวเอง
ที่มา
