svasdssvasds

ทำไมซื้อของ-จองตั๋วออนไลน์ คืนเงินช้า ?

ทำไมซื้อของ-จองตั๋วออนไลน์ คืนเงินช้า ?

เคยไหม ? เวลาซื้อของออนไลน์-จองตั๋วที่พัก จ่ายผ่านบัตร เราโดนหักบัตรไปแล้ว แต่โดนยกเลิกกลับมา เงินดันไม่กลับมาตามทันทีเหมือนตอนหัก พอโทรไปถามบอกต้องรอ 30-45 วัน ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?

กลายเป็นเรื่องที่เราหลาย ๆ คนเจอ เมื่อซื้อของออนไลน์-จองตั๋วที่พัก แล้วถูกยกเลิกหรือเราขอคืนเงิน จะได้เงินช้ามาก ๆ ช้าเสียจนบางครั้งเราลืมไปแล้ว

ทำไมตัดเงินเร็วคืนเงินช้า ?

Teresa Dixon Murray เขียนบทความไว้บนเว็บไซต์ AP เมื่อปี 2018 ว่า สาเหตุแบบง่าย ๆ หยาบ ๆ เลย คือ ผู้ให้บริการไม่มีแรงจูงใจในการคืนเงินให้กับเรา เมื่อเทียบกับตอนหักเงินที่รวดเร็วเพราะพวกเขาได้เงินเข้ากระเป๋าเลยทำให้มีแรงจูงใจ

แต่ถ้าจะให้อธิบายลึกลงไป ก็ต้องบอกว่า เวลาเราใช้บริการบัตรต่าง ๆ ก็ต้องใช้ผ่านตัวกลางที่ยืนยันว่าบัตรนั้นมีตัวตนจริง ๆ ตัวกลางที่เราคุ้นหูก็เช่น Visa , Master Card , Western Union เป็นต้น ซึ่งเมื่อผ่านตัวกลางไปยังผู้รับมันก็ไม่ได้ส่งไปทันที (ในกรณีที่ไม่ใช่โอนผ่านบุคคลไปยังบุคคล)

*ตรงนี้อย่าสับสนกับการโอนจากบัญชีธนาคารไปยังบัญชีธนาคาร ผ่านแอปฯ ในมือถือ

ซึ่งเมื่อเงินเราถูกตัดจากบัตรไป เงินจะผ่านตัวกลางและส่งไปยังผู้รับที่เป็นบริษัทหรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งก็จะมีรอบของมัน แล้วจากนั้นตัวผู้รับก็คือ คนขาย หรือ โรงแรมก็จะได้รับเงิน

และยังไม่รวมกรณีที่เราใช้บัตรเครดิต เมื่อเงินที่เราใช้ไป เป็นการยืมจากธนาคารเพื่อยืมจ่ายไปก่อนแล้วสิ้นเดือนค่อยเอาเงินมาจ่าย

ทำไมต้องผ่านตัวกลาง ?

ก็ต้องบอกว่าธุรกิจตัวกลางในการจ่ายเงินหรือ Payment Gateway เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เกิดขึ้นยาวนานและกินค่าหัวคิวมาอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้เราเรียกมันว่า "ค่าธรรมเนียม" หากมองย้อนไปในอดีตก่อนยุคอินเทอร์เน็ต เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเงินเราจะไปถึงผู้รับ ? ใช้ธนาณัติ ? หรือเอาเงินก้อนใส่ถุงแล้วนั่งรถม้าไป ? ด้วยความยากลำบากนี้เลยทำให้เกิดธุรกิจตัวกลางขึ้น

เมื่อตัวกลางยืนยันจากทั้ง 2 ฝั่งแล้วว่ามีตัวตนจริง ก็เอาเงินเข้าสาขา A แล้วตัว สาขา B ก็สำรองจ่ายไปก่อน ซึ่งการโอนอะไรแบบนี้ตัวกลางก็เลยขอเก็บค่าธรรมเนียมเป็นค่ำดำเนินการแล้วกัน

ซึ่งเจ้าตัวกลางนี้แหละ ส่งผลให้แอปฯ หลาย ๆ แอปฯ ในปัจจุบันพยายามทำขาย่อยของบริษัทให้เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงินเพื่อลดอำนาจของตัวกลางในการจ่ายเงินเหล่านี้ลง เช่น ShopeePay , Grabpay Wallet , LinePay เป็นต้น สังเกตุว่าทำไมบางแอปฯถึงคืนเงินเร็วแทนจะทันทีหลังหักหรือภายใน 24 ชม.

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

แล้วทำไมถึงคืนเงินช้า ?

สาเหตุที่คืนเงินช้าหากย้อนกลับจริง ๆ ก็คือ รอบบิลที่ตัวบริษัทต่าง ๆ เองทำและตรวจสอบ ในบริษัทใหม่ ๆ อาจใช้เวลา 4-7 วันในการตรวจสอบว่าเงินนั้นจ่ายจริงแล้ว แล้วค่อยทำเรื่องเบิกคืน ขณะเดียวกันบัตรเครดิตก็ต้องรอรอบบิลที่ลูกค้าจ่ายหรือตัดรอบบิลที่ตัวผู้รับจะได้เช่นเดียวกัน

แต่อย่างในบางกรณี เช่น ยกเลิกการจองหรือโดนผู้ขายโกง แพลตฟอร์มที่ให้บริการก็ต้องเข้ามาตรวจสอบซึ่งใช้เวลานานขึ้นอีก ตั้งแต่ 15-90 วัน เพราะต้องรอรายละเอียดจากฝ่ายบัญชีว่าโอนมาจริง แล้วค่อยไปเช็กว่าผู้ขายโกงจริงไหม แล้วจึงย้อนกลับไปต่อว่าผู้ซื้อจ่ายไปเท่าไหร่

ทำไมตัดบัตรแล้วได้ไม่ครบ ?

หากเราซื้อของจากต่างประเทศแล้วขอคืนเงิน เงินกลับได้ไม่ครบบ้าง หายไปนิดไปหน่อยบ้าง ส่วนใหญ่มาจาก 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ ค่าเงิน และ ค่าธรรมเนียม

ตัวค่าเงินมีความผันผวนเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ตัวค่าธรรมเนียมทำไมไม่คืนในเมื่อขอคืนแล้ว ? ก็ต้องบอกว่าเพราะค่าธรรมเนียมเป็นเงินที่ถูกเก็บก็ต่อเมื่อเราใช้บริการเขา ดังนั้นเมื่อเราโอนผ่านเขาแล้วก็ถือว่าเป็นการใช้บริการเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งเหตุผลเรื่องค่าธรรมเนียมก็กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ย้อนกลับไปว่าทำไมทุกคนเริ่มทำตัวกลางทางการเงินของตัวเอง สมมุติว่าเราเป็นแพลตฟอร์อีคอมเมิร์ซแล้วมียอดขาย 5 ล้านครั้ง โดนเก็บครั้งละ 10 บาท แค่ค่าธรรมเนียมอย่างเดียวก็ 50 ล้านบาทแล้ว ตัวแพลตฟอร์มก็มองว่า "สู้เอาเงินนี้ไปพัฒนาบริการอื่น ๆ ดีกว่าไหม ?"

ขณะเดียวกัน "ค่าธรรมเนียม" นี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการสร้างระบบการเงินที่ไม่มีศูนย์กลาง หรือ Decentralized Finance(DeFi) ที่จะทำให้ค่าธรรมเนียมตรงนี้ต่ำลงด้วย แต่ก็ยังมีอยู่