อัยการส่งสำนวนคดีครูปรีชา-เจ้บ้าบิ่นแจ้งความเท็จคืนกองปราบฯ พบโยงคดีผู้การกาญจน์ ผิด ม.157 ส่งต่อ ปปช.ชี้ขาดทั้ง 2 คดี
วันนี้( 18 เม.ย.) นายพิทักท์ อบสุวสรณ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายพรชัย ชลวาณิชกุล รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และคณะทำงาน
โดยนายธรัมพ์ ระบุว่า ได้รับสำนวนมาจากกองปราบปราม จากนั้นก็ได้ตั้งคณะทำงาน พิจารณาสำนวนคดีนี้ ซึ่งคณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหา ทั้งสองคน นอกจากจะเป็นผู้ต้องหาในคดีแจ้งความเท็จแล้วยังตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในฐานะเป็นผู้สนับสนุนให้ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีปฎิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157 ซึ่งได้พิจารณาพฤติการณ์พบว่ามีความเกี่ยวพันกันจึงสั่งให้คืนสำนวนให้กองปราบปราม ไปดำเนินการส่งสำนวนดังกล่าวให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ปปช.ดำเนินการต่อ นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน หลังจากครบกำหนดฝากขังทั้งสี่ผัด เนื่องจากคำนึงถึงเสรีภาพของผู้ต้องหา และอัยการได้พิจารณาคดีนี้อย่างเป็นธรรม จึงไม่จำเป็นต้องขังผู้ต้องหาอีกต่อไป
ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ ยืนยันว่า ไม่ได้ยุติการดำเนินคดีแต่เป็นการคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวนนำไปส่งมห้ ปปช.ดำเนินการ ซึ่งคณะทำงานได้พิจารณาตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยคดีนี้เป็นคดีที่เหี่ยวข้องกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ด้านนายพิทักษ์ ระบุว่าและเมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาสำนวนของ ปปช.ตามกฎหมายแล้ว ปปช.มีอำนาจในการพิจราณาคดีเเจ้งความเท็จพ่วงไปด้วย และคดีเดิมบังอยู่ไม่ได้หายไปไหน