สอบเครียด อดีตข้าราชการ เอี่ยวแชร์ลูกโซ่-โกงเงินตำรวจ กว่าพันล้าน [คลิป]

ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น โดย พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุระชัย  ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบช.ทท. ยังคงทำการสอบปากคำ 7 ผู้ต้องสงสัย ซึ่งประกอบด้วยอดีตข้าราชการ รวมทั้งหมด 6 คน และนักธุรกิจ 1 คน ที่พัวพันกับการทุจริตโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีไปแล้วก่อนหน้านี้คือ พล.ต.ต.สุทิพย์  ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมพวกรวม 4 คน โดยในการสอบปากคำดังกล่าวนี้นั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในห้องการสอบสวนแต่อย่างใด โดยจำกัดพื้นที่ให้สื่อมวลชนไว้ในจุดพักรอด้านหน้า บช.ภ.4 เท่านั้น

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 7 คนที่เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนวันนี้ ในจำนวนนี้ 4 คน เป็นอดีตข้าราชการในสังกัดดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งในการดำเนินการสอบสวนนั้นทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะการทุจริตดังกล่าวที่เกิดขึ้นซึ่งวันนี้ได้กลายเป็นคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยมีข้าราชการตำรวจและประชาชนเป็นผู้เสียหายจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งหมดจะต้องเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย ต้องมีการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อดำเนินการเอาผิดผู้ที่ก่อเหตุให้ได้ทั้งหมด

“ วันนี้เราทำงานร่วมกับกับ ปปง.ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินและที่มาของเงิน เพราะเส้นทางการเงินเมื่อตรวจสอบแล้วจะพบว่าได้มาจากใคร ถ่ายโอนให้ใคร หรือส่งมอบให้ใคร ทั้งหมดจะต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด โดยเฉพาะการโอนเงินในยอดสูงๆถ้าตอบไม่ได้ก็ถูกยึดอายัดไว้ ซึ่ง ปปง.ได้ส่งคณะทำงานมาร่วมดำเนินคดีในเรื่องนี้ด้วย อีกทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการตั้งทีมพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนมาทำงานร่วมกันกับ บช.ภ.4 ทำให้ความคืบหน้าทางคดีนี้นั้นมีความคืบหน้าอย่างมาก”

รอง ผบ.ตร. กล่าวต่ออีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ แต่กระบวนการเยียวยานั้นจะต่อเนื่องจากการดำเนินคดี ดังนั้นวันนี้เราต้องติดตามทรัพย์สินกลับคืนมาให้ได้ให้มากที่สุด การยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นขณะนี้ยังคงอยู่ในช่วงของการยึดอายัดที่ผู้ที่ครอบครองหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์จะต้องนำเอกสารหลักฐานต่างๆมาแสดง และชี้แจงกับทางเจ้าหน้าที่ให้ได้รับทราบ โดยมีระยะเวลา 30 วัน หลังจากทำการยึดอายัด ซึ่งหากไม่สามารถชี้แจงได้จะตกเป็นของกลางในคดีจนกว่าการดำเนินคดีจะแล้วเสร็จ ดังนั้นการทำงานของตำรวจเราไม่ได้คำนึงว่าใครเดือดร้อน แต่เมื่อประชาชนเดือดร้อนตำรวจจะเร่งรัดการดำเนินการในภาพรวมแต่ต้องรอบคอบ ซึ่งในการสอบสวนนั้นต้องใช้เวลา และต้องทำทุกขั้นตอนอย่างละเอียด