svasdssvasds

ปตท.จับมือ Envision พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน

ปตท.จับมือ Envision พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน

ตอนนี้มีการผลักสังคมสู่ Net Zero กันมากขึ้น กลุ่ม ปตท. จึงร่วมกับ Envision พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ มุ่งผลักดันเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

ปตท.จับมือ Envision พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ENVISION DIGITAL INTERNATIONAL PTE. LTD. บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อลดคาร์บอน ภายใต้กลุ่มบริษัท Envision ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU)  Collaboration in Future Energy Transition by Decarbonization Platform ศึกษาและทดลองการใช้งานแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ ภายในพื้นที่ของกลุ่ม ปตท. เพื่อบริหารและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขับเคลื่อนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 โดยมี ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน คุณเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ Mr. Ko Kheng Hwa ประธานกรรมการ Envision Digital ร่วมในพิธีลงนาม

เนื้อหาที่น่าสนใจ : 

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาระบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะเพื่อตรวจสอบและควบคุมการใช้พลังงาน รวมถึงประเมินความสามารถในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่ทดลองของโครงการ โดยได้ริเริ่มนำแพลตฟอร์ม EnOSTM ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ AloT ของ Envision Digital มาใช้ในการบริหารจัดการระบบพลังงานหมุนเวียนภายในอาคารต้นแบบ M4 ที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) จ.ระยอง ได้แก่ แผงเซลล์แสงอาทิตย์ลอยน้ำ แผงเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา ระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึงสถานีชาร์จไฟฟ้าภายในวิทยาเขตของสถาบันฯ โดยสามารถตรวจสอบและควบคุมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และนำมาปรับใช้งานทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิลได้อย่างเหมาะสม จึงทำให้อาคารดังกล่าวเป็นอาคาร Zero Import ทั้งหมด ซึ่งในอนาคต หากประสบความสำเร็จก็จะขยายผลไปยังพื้นที่อื่นต่อไป

ปตท.จับมือ Envision พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน คุณเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามทิศทางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจใหม่ของ ปตท. ได้มีการจัดตั้ง บริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจ AI และ Robotic ในด้านต่าง ๆ อาทิ PowerTECH, HealthTECH, MobilityTECH, IndustrialTECH และ SoftpowerTECH  ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการ Cloud โดยบริษัท เมฆาเทคโนโลยี จำกัด (MekhaTech) และดำเนินธุรกรรมซื้อขาย Renewable Energy Certificate (REC) ผ่านแพลตฟอร์มในนามของ บริษัท รี แอค จำกัด (ReAcc) โดยความร่วมมือกับ Envision Digital ในครั้งนี้ถือเป็นขอบเขตงานที่เกี่ยวข้องกับด้าน PowerTECH และในฐานะที่ Mekha V เป็นบริษัทเรือธง (Flagship) ในด้าน AI และ Robotic จึงทำให้บริษัทฯ เป็นตัวแทน กลุ่ม ปตท. ในการศึกษาและทดลองโครงการดังกล่าวร่วมกับ Envision Digital เพื่อสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจดิจิทัลและแพลตฟอร์มต่อไปในอนาคต อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันการใช้พลังงานสะอาดและการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับสังคมคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมเจตนารมณ์ของกลุ่ม ปตท. เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 และสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 ตามลำดับ

Mr. Michael Ding, Global Executive Director, Envision Digital กล่าวว่า Envision Digital เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอน เรามีพันธมิตรทั้งที่เป็นองค์กร หน่วยงานภาครัฐ และเมืองต่าง ๆ ในหลายประเทศ ด้วยเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก ผ่านการนำแพลตฟอร์ม EnOSTM net zero เข้ามาช่วยบริหารจัดการพลังงานแบบครบวงจร ปัจจุบัน Envision มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และมีสำนักงาน 14 แห่งในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ สำหรับความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในด้านพลังงานอย่างกลุ่ม ปตท. ที่มีวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจในทิศทางเดียวกับ Envision ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นในการร่วมกันเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ สะท้อนการดำเนินธุรกิจโดยมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท. ที่จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้พร้อมก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้ต่อไปในอนาคต