LINE FOR ELECTION ผสมผสานแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เหมาะสม ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุด สู้ศึกเลือกตั้ง ’66 ซึ่งหากเนื้อหาตรงกับความสนใจของแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะการใช้เทคนิค LINE OA สามารถมัดใจประชาชนได้
ใกล้เข้าสู่สนามการเลือกตั้งปี 2566 แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมการเสพสื่อของคนไทยที่เปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากทีวีที่เป็นสื่อหลักมาสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่เพียงทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัว ภาคของการเมืองก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่หลายคนคาดการณ์ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การปรับรูปแบบและวิธีการทำแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนจากออฟไลน์มาสู่ออนไลน์ แต่ควรปรับกลยุทธ์การสื่อสารขนานใหญ่ ด้วยการใช้ช่องทางและเครื่องมือดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดอินไซต์คนไทย ปัจจัยสำคัญต่อพรรคการเมือง
เมื่อพูดถึงอินไซต์และเทรนด์ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์อันส่งผลต่อการเลือกตั้ง ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Media Intelligence Group ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้สื่อเพื่อทำแคมเปญการเมือง ได้แบ่งปันข้อมูลในงานว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงประมาณ 52 ล้านคน ในกลุ่มนี้มีจำนวนถึง 14 ล้านคนที่เป็นกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสพสื่อดิจิทัลเป็นหลักในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ สื่อดิจิทัลจะมีความสำคัญมาก นี่ยังไม่รวมถึงประชากรในกลุ่มอื่นๆ หรือแม้แต่ผู้สูงวัย ที่เข้าถึงออนไลน์และโซเชียลมีเดียมากขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 และซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อการเข้าถึงสื่อออนไลน์ของคนไทยมีความหลากหลายและกระจายตัวมากขึ้น
ดังนั้น วิธีการประชาสัมพันธ์ของภาคการเมืองสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้จึงต้องเปลี่ยนไปจากเดิม โดยควรต้องมีการผสมผสานแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เหมาะสม ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุด
ความน่าสนใจของการใช้สื่อออนไลน์ในการสู้ศึกเลือกตั้งของพรรคการเมืองในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการสร้างการรับรู้ เกิดการมองเห็นในระดับวงกว้างเท่านั้น แต่จะเป็นการใช้งานสื่อออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง ควบคู่ไปกับการเก็บข้อมูลความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำมาปรับการประชาสัมพันธ์ในแต่ละเฟสของการทำแคมเปญให้มีความเข้มข้น นำเสนอสิ่งที่ตรงกับความต้องการของประชาชนได้มากขึ้น
ซึ่ง LINE ถือเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมและน่าสนใจ ด้วยความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มคนหลากหลายเพศและวัยได้เป็นอย่างดี
กลยุทธ์การใช้งาน LINE ปูความสำเร็จแคมเปญหาเสียงยุคใหม่
ด้าน LINE ประเทศไทย ผู้นำในแพลตฟอร์มดิจิทัลที่คนไทยใช้งานเป็นอันดับต้นๆ ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพสูง ที่พรรคการเมืองสามารถนำไปใช้เพื่อเข้าถึงประชาชนในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ได้ ฤทธิชัย วานิชย์หานนท์ หัวหน้าที่ปรึกษา หน่วยงานภาครัฐ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า LINE มีจุดเด่นมากมายที่เหมาะเป็นสื่อออนไลน์สำหรับพรรคการเมืองเพื่อใช้ในการหาเสียงในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนที่มากถึง 53 ล้านคน การเป็นช่องทางที่สามารถยืนยันตัวตนของพรรคหรือผู้สมัครได้จริง โดยพรรคหรือผู้สมัครสามารถควบคุมเนื้อหา และรูปแบบการสื่อสารไปยังกลุ่มผู้ติดตามได้โดยตรง บุคลากรของพรรคการเมืองสามารถเรียนรู้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้การอบรมและเป็นที่ปรึกษา ทำให้พรรคหรือนักการเมืองสามารถนำข้อมูลที่ได้จากแพลตฟอร์มมาวิเคราะห์ สร้างกลยุทธ์การสื่อสารนโยบายของพรรคได้อย่างตรงกลุ่มความสนใจ รวมถึงใช้ประโยชน์จากพื้นที่ประชาสัมพันธ์บนแพลตฟอร์ม LINE ในการสร้างหรือเพิ่มการมองเห็นให้กับสื่อของพรรคเป็นหลักสิบล้านวิวต่อวัน
เพื่อที่พรรคการเมืองหรือผู้สมัครจะสามารถเข้าถึงประชาชนคนไทยผ่าน LINE ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่าเครื่องมือหลักที่สำคัญคงหนีไม่พ้นบัญชีทางการ หรือ LINE Official Account (LINE OA)
“5 เทคนิค ใช้ LINE OA มัดใจประชาชน” เพื่อให้พรรคการเมืองใช้ LINE OA ได้อย่างมีประสิทธิภาพดังนี้
สร้าง Group OA เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรค ทั้งนี้ พรรคสามารถสร้าง LINE OA หลายบัญชี เพื่อให้ผู้สมัครในสังกัดได้กระจายการสื่อสารกับฐานผู้ติดตามตามแต่ละพื้นที่แยกกันได้ โดยผู้สมัครในแต่ละภาคสามารถอัปเดตข่าวสาร ความเคลื่อนไหวโดยตรงกับผู้ติดตามเฉพาะเขตพื้นที่ของตนเอง ในขณะเดียวกัน พรรคสามารถช่วยบรอดแคสต์นโยบายกลางไปยัง LINE OA ของผู้สมัครในสังกัด และช่วยตั้งค่าต่างๆ ให้กับบัญชี LINE OA ของผู้สมัครได้ เช่น การตั้งค่าริชเมนู ตั้งค่าข้อความทักทายเพื่อนใหม่ ข้อความตอบกลับอัตโนมัติ เป็นต้น เพื่อความสอดคล้อง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ พรรคยังสามารถติดตามความเคลื่อนไหวในเรื่องของจำนวนเพื่อน เนื้อหาบรอดแคสต์ และการแชทของกลุ่มบัญชี LINE OA ของผู้สมัครในสังกัดได้อย่างใกล้ชิด