svasdssvasds

ไขคำตอบ ทั่วโลกเลิกใช้ EV แล้วจริงไหม ? หลังโผล่คลิปจอดทิ้งจนต้นไม้ขึ้น

ไขคำตอบ ทั่วโลกเลิกใช้ EV แล้วจริงไหม ? หลังโผล่คลิปจอดทิ้งจนต้นไม้ขึ้น

ไขคำตอบ คลิปรถยนต์ไฟฟ้าจีนถูกทิ้งร้างจนต้นไม้ขึ้น ทั่วโลกเลิกใช้รถยนต์ไฟฟ้าแล้วจริงหรือไม่ ? หรือเรากำลังจะโดนหลอกขายรถอยู่ ?

กลายเป็นประเด็นดราม่าบนโลกออนไลน์ เมื่อชาวเน็ต อัปโหลดคลิป รถยนต์ไฟฟ้า จอดทิ้งร้างเป็นจำนวนมาก ซึ่งปรากฎภาพรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อดังที่กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยด้วย ทำให้หลายคนตีความว่า ทั่วโลกกำลังเลิกใช้รถยนต์ไฟฟ้า และ ไทยกำลังถูกต่างประเทศหลอกขายรถ

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของทีม SPRiNG Tech พบว่า ภาพดังกล่าว ถูกถ่ายที่ นครหางโจว ทางตอนเหนือของมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เป็นรถยนต์ยี่ห้อ BYD , Geely และยี่ห้ออื่น ๆ ถูกจอดทิ้งร้างไว้จนต้นไม้ขึ้นสูง

จากรายงานของสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า ภาพและคลิปที่ปรากฎ รถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากถูกทิ้งร้าง เป็นผลพวงจากการทำธุรกิจที่ล้มเหลวของบริษัทสตาร์ทอัพจีนบางบริษัท ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 และอยู่ระหว่างการฟ้องร้องทางกฎหมาย จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าต้องจอดทิ้งร้างไว้ โดยไม่ได้สร้างประโยชน์อะไร 

รถยนต์ไฟฟ้าจีนถูกทิ้งร้าง | ที่มา : serpentza/Youtube

โดยเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นที่ประเทศจีนมาแล้วในธุรกิจเช่าจักรยานของจีนตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ที่สุดท้ายพอธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ จักรยานจำนวนมากที่บริษัทซื้อไว้ก็ต้องถูกทิ้งร้างจนกว่าคดีความจะสิ้นสุด เพื่อขายทอดตลาดต่อไป

ทั่วโลกกำลังเลิกใช้รถยนต์ไฟฟ้าจริงไหม ?

ส่วนประเด็นที่ชาวเน็ต สงสัยว่า ทั่วโลกกำลังเลิกใช้รถยนต์ไฟฟ้า และ ไทยกำลังถูกต่างประเทศหลอกขายรถอยู่หรือไม่ ? จากการตรวจสอบ พบว่า ไม่เป็นความจริง

แม้จะมีความเคลือบแคลงใจว่าการเลิกใช้รถยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงและอาจทำให้บริษัทน้ำมันไม่พอใจ แต่ข้อเท็จจริงคือ ทั่วโลกกำลังหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าจริง และบริษัทน้ำมันเองก็กำลังปรับตัว อย่างในประเทศไทย ปตท. ก็หันไปศึกษาความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับบริษัทอื่น ๆ ทั่วโลก

ขณะเดียวกัน จากรายงานของเนชั่นออนไลน์ พบว่า ข้อมูลจากบริษัทวิจัย MarkLines Co. ในญี่ปุ่น ที่เผยแพร่ในวันเสาร์ (8 เม.ย.) ระบุว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 7.26 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 9.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด 76.21 ล้านคันในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งตลาดที่ 5.5 % ในปี 2564  ขณะที่ยอดขายรถยนต์ทั่วโลก ไม่รวมรถอีวี  ตกลง  7.4% เหลือ 68.95 ล้านคัน

จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า ทั่วโลกกำลังปรับตัวไปหารถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความผันผวนของราคาน้ำมันจากสถานการณ์โลก การปล่อยมลพิษของรถยนต์สันดาป และเป้าหมายของโลกที่ต้องการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2030

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

related