Index Creative Village คาดผลประกอบการ ปี 66 จะกลับมาใกล้เคียงกับก่อนโควิด-19 ระบาด มุ่งใช้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนรูปแบบการจัดอีเวนท์ เข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ สร้างความแตกต่างให้กิจกรรม On-Ground
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปีที่ผ่านมา โควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอีเวนท์ได้รับผลกระทบ แม้ว่าช่วงปลายปี จะดีขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าประเทศฝั่งเอเชียตะวันออกเปิดพรมแดนช้ากว่าประเทศแถบตะวันตก เช่น ยุโรป แต่ก็ยังเร็วกว่า เกาหลี-ญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้โลกก็จะทยอยกลับมาปกติ แม่ว่าจีนจะยังปิดประเทศอยู่
สำหรับ ไทย กิจกรรมและอีเวนท์ เริ่มกลับมา 100% แล้ว สังเกตุได้จากคอนเสิร์ตที่สามารถจัดได้เหมือนสภาวะปกติ เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นเองที่เพิ่งเปิดประเทศ ที่ภาคธุรกิจและสนามบินเองก็ยังไม่พร้อม
นายเกรียงไกร ระบุว่า ในปีหน้าจะมุ่งเน้นไปยังธุรกิจที่ผสานระหว่างโลกออนไลน์และโลกความเป็นจริง (Hybrid Experience) ซึ่งแผนปี 2566 มุ่งเน้น 4 เป้าหมายหลัก คือ เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) รวมถึงพัฒนาเทรนด์ Metaverse, การสร้างสรรค์ ประสบการณ์และจินตนาการที่แปลกใหม่อย่างไร้ขีดจากัด (Immersive Experience)
นอกจากนี้ยังมุ่งบุกตลาดเอเชีย (Invest Asia) 7 ประเทศเป้าหมายหลัก คือ ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, สิงคโปร์, คาซัคสถาน, ซาอุดิอาระเบีย, กัมพูชา, และประเทศไทย พร้อมเดินหน้าจับกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยว (Tourist Segment) ที่กลับมาคึกคักหลังเปิดประเทศ
ขณะเดียวกัน อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ก็จะมีงานสายธุรกิจ ซึ่งจะจัดขึ้นที่ซาอุดีอาระเบีย ชื่องาน Thailand Maga Fair and Festival รวมทั้งการค้า อาหาร การแพทย์และวัฒนธรรมในงานเดียวกัน
“เมื่อพูดถึงจุดเด่นของไทย คือ อาหาร ที่เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหาร และ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่เป็นโอกาสให้ประเทศไทย เพราะปัจจุบันคนไทยไม่ได้ไปเป็นแรงงานแบกหามอีกต่อไปแล้ว แต่เราสามารถเข้าไปในอาชีพอื่น ๆ ของประเทศเขาได้แล้ว” นายเกรียงไกร กล่าว
สำหรับรายได้ของบริษัทตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย. อยู่ที่ 642 ล้านบาท และคาดว่าจบปีนี้รายได้จะเติบโตขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปิดที่ 954 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในแนวโน้มที่ดี และใกล้เคียงกับก่อนหน้าการแพร่ระบาดในปี 2563 ที่ 1,380 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าในปี 2023 รายได้จะอยู่ที่ 1,295 ล้านบาท เพราะช่วงที่ผ่านมามีการขายกิจการธุรกิจเพื่อปรับโครงสร้างในการ IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2024 รายได้จากต่างประเทศน่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 10%
จากสัดส่วนรายได้ตั้งแต่ปี 2021 ที่โควิดระบาด จะพบว่า ธุรกิจการตลาด(Marketing Service) และบริการโซลูชั่นด้านการพัฒนาธุรกิจ(Creative Business Development) เพิ่มขึ้น แต่กลุ่มงานที่สร้างขึ้นเองหรืออีเว้นท์ของตนเอง(Own-Creation) กลับเติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และจะขยายมารองรับส่วนนี้ด้วย เพราะมันมั่นคงมากกว่า เมื่อเทียบกับรายได้ด้านการตลาดที่ผันผวนไปมา และปัจจัยในประเทศจะไม่มีผลกระทบ