การขึ้นนั่งเป็นผู้บริหารหญิงไทย ในธุรกิจยักษ์อย่าง เอชพี อิงค์ ที่ต้องวางเป้าหมายให้ลูกค้าเชื่อมั่นและกล้าใช้แบรนด์ต่อไป เดินหน้าธุรกิจให้มั่นคงและผลักดัน "คน" ให้ร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับแนวทางนี้
สิ่งที่ต้องยอมรับคือประเทศไทยมีผู้หญิงเก่งที่ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารใหญ่ในบริษัทต่างชาติได้หลายคนแล้ว ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงด้วย
สะท้อนให้เห็นว่า ธุรกิจยักษ์ระดับโลกเชื่อมั่นในความสามารถและเชื่อถือในแนวทางในการบริหารของผู้หญิงมากขึ้นและกลายเป็นเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งในโลก
แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน เอชพี อิงค์ บริษัทผู้ผลิตสินค้าทางด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกเคยมีการประกาศแผนเตรียมเลิกจ้างพนักงานราว 4,000 - 6,000 คนทั่วโลกภายใน 3 ปี แต่ในประเทศไทย ยังไม่มีการประกาศแนวทางการเลิกจ้างนี้ เพราะขึ้นอยู่กับแนวทางการบริหารของประเทศนั้นๆ
นั่นจึงทำให้วิสัยทัศน์ในการบริหารคน บริหารงาน และบริหารลูกค้าภายใต้การทำงานของ คุณวรานิษฐ์ อธิจรัสโรจน์ กรรมการผู้จัดการ เอชพี อิงค์ (ประเทศไทย) จึงมีความน่าสนใจอย่างมาก
โดยคุณวรานิษฐ์ เล่าให้ฟังว่า เธอทำงานอยู่ในเอชพี อิงค์ มาตั้งแต่ปี 2000 จนถึงวันนี้ นับได้ว่าเธออยู่ในองค์กรของเอชพีมาราว 23 ปีแล้ว ได้เห็นการบริหารและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ตามยุคสมัยและเทรนด์โลกมากมาย
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
ทั้งนี้ ภายใต้การบริหารงานของเธอจึงเน้นไปในเรื่องของ 3 แกนหลักคือ
ถือว่าเป็นแผนในระยะ 3 ปีที่จะดำเนินต่อจากนี้ไป เชื่อว่าจะช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างสมเหตุสมผล เฉพาะออฟฟิศในไทยมีทีมที่ทำงานร่วมกันอยู่ราว 150 คน จะเป็นโอเปอร์เรชั่น มาร์เก็ตติ้ง ไม่รวมฝ่ายขายหรือทีมที่ทำงานแบบรีโมต
ทั้งนี้ การทำงานที่เน้นในเรื่องของการสื่อสารกับลูกค้า พาร์ทเนอร์และพนักงานในองค์กรเองนั้น เป็นเพราะช่วงก่อนโควิดและยุคโควิด มีเทรนด์การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งในแง่ของสภาพเศรษฐกิจ ซัพพลายเชน เทรนด์สินค้า
ดังนั้น ทางด้านของธุรกิจที่จะมุ่งไปคือในสินค้ากลุ่มเกมมิ่ง การจัดโปรโมชั่นกระตุ้นตลาด การขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มปริ้นเตอร์และกลุ่มอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจภาพรวมการใช้งานในกลุ่มลูกค้าของเอชพีในไทย จะเห็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น เครื่องพิมพ์ พฤติกรรมการใช้งานเครื่องพิมพ์ของไทยคือนิยมซื้อเครื่องไปใช้งานกันมากขึ้น อาจเพราะช่วงโควิดในกลุ่มการศึกษา เรียนออนไลน์ ยังจำเป็นต้องใช้กระดาษ
ทำให้บริษัทเพิ่มรูปแบบการให้บริการแบบ Subscription แบบเช่าให้แก่กลุ่มเอสเอ็มบี กลุ่มบีทูบีและลูกค้าทั่วไป เพื่อผูกแพ็กเกจตามการใช้งาน ซึ่งช่วยเรื่องลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานสำหรับธุรกิจได้ดี
รวมทั้งความต้องการสินค้าในกลุ่มปริ้นเตอร์แบบแทงค์ก็มีมากขึ้น ทำให้รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทยังมาจากกลุ่มเอสเอ็มบีและเอ็นเตอร์ไพร์สรวมกัน สัดส่วนอยู่ที่ 60% และลูกค้าทั่วไป 40% ซึ่งสินค้าที่ลูกค้าทั่วไปซื้อใช้งานจะมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์ เกมมิ่ง เวิร์กฟอร์ซ เป็นต้น
นอกจากนี้ เรื่องของศูนย์บริการก็จะไม่ใช่ศูนย์ซ่อมเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้แบบครบวงจร คือเข้ามาแล้วสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ส่งซ่อม ให้คำปรึกษาได้พร้อมกัน รวมทั้งจะมีการเพิ่มช่องทางการสื่อสาร เพิ่มบริการในการโต้ตอบกับลูกค้าไวขึ้นด้วย
โดยขณะนี้ เอชพี อิงค์ มี HP Amplify Partner Program ที่จะเข้าไปดูแลในเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน ศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้าอย่างหลากหลาย ประสานงานและแบ่งปันข้อมูลอีคอมเมิร์ซโซลูชั่นในการดูแลเรื่องสินค้าและบริการมากถึง 600 ราย รวมทั้งพาร์ทเนอร์รายใหญ่อย่าง ซินเนค, อินแกรม ไมโคร, เอสไอเอส, Ascenti Resources และวีเอสทีอีซีเอส