svasdssvasds

แนะรัฐควรเปลี่ยนจากผู้คุมมาเป็นสนับสนุน ยัน ค่าแพ็กเกจถูกกว่าที่อื่น

แนะรัฐควรเปลี่ยนจากผู้คุมมาเป็นสนับสนุน ยัน ค่าแพ็กเกจถูกกว่าที่อื่น

เอไอเอส - ทรู ดีแทค เสนอรัฐควรเปลี่ยนจากผู้ควบคุมกฎมาเป็นผู้สนับสนุน ด้านราคาแพ็กเกจ ต้องบอกว่า ค่าบริการของไทยโคตรถูก หากเทียบจากปริมาณการใช้ข้อมูล หากรัฐบาลเข้ามาช่วยสนับสนุน ก็จะทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้นเช่นกัน

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) และ มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ขึ้นพูดภายในงาน Thailand Economic Outlook 2024 Change the Future Today จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ

สมชัย กล่าวว่า คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตมากถึง 22GB ต่อเดือน แต่มีค่าใช้จ่ายในราคาที่ถูก จึงมองว่าประเทศไทยถือว่าโชคดี ขณะเดียวกัน ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากการที่ธุรกิจโทรคมนาคม ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการติดต่อสื่อสารเองทั้งหมด จึงทำให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมยอดเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆ

หากถามว่าประเทศไทยล้าสมัยหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าประเทศไทยยังไม่ล้าสมัย เพราะเรายังมีโอกาสการทำ Digital Transformation อีกมากมาย เพราะองค์กรต่างๆ ยังมีโอกาสอยู่ แต่การที่ประเทศไทยจะแข่งขันกับผู้อื่นได้ จะต้องอาศัยการร่วมมือกันจาก 3 ส่วน คือ ภาครัฐบาล ภาคเอกชนและภาคประชาชน

แนะรัฐควรเปลี่ยนจากผู้คุมมาเป็นสนับสนุน ยัน ค่าแพ็กเกจถูกกว่าที่อื่น

ซึ่งภาครัฐบาลเองจะต้องเปลี่ยนจากการเป็นผู้ควบคุมเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นผู้ออกกฎและสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกดิจิทัลหรือ Digital Transformation 

แม้ว่าเศรษฐกิจอาจจะดูน่าเป็นห่วง แต่เทคโนโลยีดิจิทัล จะทำให้ประเทศไทยยังคงสามารถไปต่อได้ เพราะไทยเป็นประเทศที่มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่เทคโนโลยีเหล่านี้หากบริษัทลงทุนและใช้เพียงคนเดียวก็จะพัฒนาเพียงคนเดียวและไม่เกิดประโยชน์กับประเทศไทยมากเท่าที่ควร

ดังนั้น การเปิดให้ภาคเอกชนอื่นๆ เข้ามาใช้งานโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ ภายใต้การกำหนดนโยบายของรัฐบาลก็จะทำให้ประเทศไทยสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กันได้

นอกจากนี้ ยังต้องการให้กระทรวงดิจิทัลและกสทช.เปลี่ยนจากการเป็นผู้คุมกฎเป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้เกิดการแข่งขันและพัฒนาให้ธุรกิจต่างๆ ภายในประเทศ หันมาลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลเช่นกัน

แนะรัฐควรเปลี่ยนจากผู้คุมมาเป็นสนับสนุน ยัน ค่าแพ็กเกจถูกกว่าที่อื่น

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเองก็ควรมีการสนับสนุนเรื่องอื่นๆ ด้วยเช่นคลื่นความถี่ต่างๆ ที่เป็นของภาครัฐ ควรเปิดให้เอกชนสามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากบริษัทโทรคมนาคมอย่าง เอไอเอส และ ทรู ไม่แข็งแรงราคาประมูลคลื่นความถี่คงไม่แตะไปถึงหลักหมื่นล้าน และงานพัฒนาโครงการดิจิทัลคงไม่พัฒนาเท่าปัจจุบัน 

หากถามเรื่องค่าแพ็กเกจราคาแพงไปไหม ต้องบอกว่า วันนี้ค่าบริการโทรคมนาคมโคตรถูกแล้วครับ สังเกตจากปริมาณการใช้ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย ซึ่งผู้ใช้บริการแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องอัตราค่าบริการเลย ถ้าหากรัฐบาลเข้ามาช่วยสนับสนุน ก็จะทำช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายของประชาชนให้ดีขึ้นเช่นกัน

แนะรัฐควรเปลี่ยนจากผู้คุมมาเป็นสนับสนุน ยัน ค่าแพ็กเกจถูกกว่าที่อื่น

ทางด้านของ มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยจะต้องหารายได้จากธุรกิจใหม่ ด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผลและการสนับสนุนที่ดีมากเพียงพอ

ซึ่งวิธีการเหล่านี้ คือ การเปลี่ยนแปลงองค์กรไปสู่ดิจิทัลหรือ Digital Transformation ไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ในอีก 7 ปีข้างหน้า มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จาก 200,000 ล้านบาทไปเป็น 1 ล้านล้านบาท หรือจะโตขึ้นประมาณ 5 เท่า

แต่ประเทศไทยมีความพร้อมแล้วหรือยัง ?

จากข้อมูลพบว่า ประเทศไทยเป็นผู้บริโภคดิจิทัล มากกว่าผู้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างรายได้ในการผลิตสินค้าและบริการต่างๆ ให้เกิดรายได้ อย่างน้อยก็เป็นเรื่องดีที่ประเทศไทย มีนโยบายในการสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าในเศรษฐกิจดิจิทัลได้

ส่วนตัวอยากจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการทำ digital transformation ให้สำเร็จจะต้องมี 5 ปัจจัยนี้ คือ

  1. ตัวกลางเชื่อมโยงทุกสิ่ง (platform)
  2. การวิเคราะห์ข้อมูล (analytics)
  3. บุคลากร (People)
  4. การเชื่อมต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน (connectivity)
  5. เทคโนโลยี 

หากถามว่า 5 ปัจจัยนี้ เราควรจะทำอะไรก่อน ผมขอยืนยันว่าทั้ง 5 ปัจจัยนี้ จะต้องทำทุกอย่างพร้อมๆ กัน เพราะว่าปัจจัยเรื่องการเชื่อมต่อและการติดต่อสื่อสารหรือ connectivity ของประเทศไทยไม่น่าเป็นห่วง

แต่ปัจจัยเรื่องเทคโนโลยีคือเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะประเทศไทยส่วนใหญ่นำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศมากกว่าผลิตเอง ดังนั้นหน้าที่ของผู้กำหนดนโยบายคือการทำอย่างไรก็ได้ ให้องค์กรเหล่านี้สามารถที่จะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้และพัฒนาเทคโนโลยีเป็นของตนเองได้

ปัจจัยต่อมาคือเรื่อง Platform as a service ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าแพลตฟอร์มคือแอป แต่จริงๆ แล้วมันคือการทำให้ขั้นตอนต่างๆ รวมกันเข้ามาสู่โลกดิจิทัล เมื่อเป็นดิจิทัลก็สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และต่อยอดไปสู่เรื่องอื่นๆ ได้ 

ขณะเดียวกันในอนาคตอาชีพของประเทศไทยจะเปลี่ยนไป เมื่อปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาทำให้อาชีพของคนไทยแตกต่างไปจากเดิม

ดังนั้นการเตรียมความพร้อมและขับเคลื่อนให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบจึงเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคนเข้าใจการทำงานและการใช้งานปัญญาประดิษฐ์แล้ว เรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ และความพร้อมในการใช้งานก็จะตามมาเช่นเดียวกัน 

 

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

related