ชวนส่อง Gadget สุดเจ๋ง ที่เป็นสัญญาณว่าคนทั่วโลก กำลังเข้าสู่ยุค “ดิจิทัล”
ตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โรคระบาดเข้ามาทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะงัก แต่นั่นทำให้การทำงานที่บ้านหรือ Work From Home มีมากขึ้น เทคโนโลยีจึงได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อตอบโจทย์การทำงานที่ทันสมัย เรามาดูกันว่ามีอะไรพัฒนาไปบ้าง
การทำงานด้วยการใส่แว่น
ยกตัวอย่างแกดเจ็ตชิ้นแรก Lenovo ได้ออกแว่นติดจอ Lenovo Glasses T1 Wearable ที่มาก่อนโลกเมตาเวิร์สเสียอีก ซึ่งแว่นนี้สามารถทำได้ทั้งดูภาพยนตร์ เล่นเกม และทำงานได้ด้วย
Lenovo Glasses T1 Wearable กำลังจะมาเปลี่ยนความคิดของคนทั่วโลก เพราะแว่นติดจอนี้ไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยี VR ใดๆ แต่สามารถใส่เล่นเกม ดูหนัง หรือทำงานได้แบบส่วนตัว และยังง่ายอีกด้วย
โดย Lenovo ทำการติดหน้าจอ Micro OLED ความละเอียดข้างละ 1920x1080 อัตรารีเฟรช 60Hz และยังมีลำโพงคุณภาพสูง Hi-Fi ในตัวอีกด้วย
หลักการของแว่น Lenovo Glasses T1 Wearable คือจะใช้สาย USB-C เสียบเข้ากับสมาร์ทโฟนหรือโน๊ตบุ๊คเพื่อฉายขึ้นที่แว่นโดยภาพจะอยู่ที่ด้านหน้าของผู้ใส่ ซึ่งเรียกได้ว่าล้ำจนเกือบเหมือนอยู่ในโลกเมตาเวิร์สไปแล้ว
วีดีโอเปิดตัวของ Lenovo Glasses T1 Wearable ได้นำเสนอถึงการออกแบบกราฟิกต่างๆผ่านแว่นที่จะทำให้คุณสนุกสนานกับการทำงานได้มากขึ้น
เช่น สามารถแสดง Virtual Display , ฉายภาพขึ้นจอเพื่อเช็กงานกราฟิกและออกแบบได้สร้างสรรค์มากขึ้น
Lenovo ยังได้เสนอถึงความเป็นส่วนตัวในการทำงานและไม่ต้องให้ใครมาเห็นว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ เหมาะกับ Digital Nomad ที่ต้องทำงานนอกสถานที่และต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
เทคโนโลยีนี้ทำให้เราเห็นได้ชัดเลยว่าโลกกำลังพัฒนาให้ตอบสนองและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานนอกสถานที่หรือ Work From Home มากยิ่งขึ้น
การทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน
อีกหนึ่งตัวอย่างเทคโนโลยีของ Motorola ที่ได้มีฟีเจอร์ Ready For ที่สามารถต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับจอภาพ,ทีวี
ด้วยสาย USB-C เพียงเส้นเดียว ก็สามารถทำงานและเล่นเกมขึ้นจอได้ทันที โดยไม่ต้องพกคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานอีกต่อไป
การทำงานกราฟิก,เล่นเกม ด้วยหน้าจอขนาดพกพา
ยกตัวอย่าง Portable Monitor หรือหน้าจอพกพา Asus ROG Strix XG16AHPE
เรียกได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ จัดสเปกมาจนสามารถทำการตัดต่อวีดีโอหรือเล่นเกมแรงๆได้ ซึ่งเปลี่ยนความคิดเดิมๆที่ว่าจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเพื่อเล่นเกมเพียงอย่างเดียว
การจดบันทึกผ่านอุปกรณ์แกดเจ็ต
ปัจจุบันเราแทบจะได้บอกลากระดาษและปากกาไปเรียบร้อยแล้วเพราะทั้งแท็ปเลตและไอแพดสามารถทำได้ทั้งหมด รวมทั้งปากกา Stylus ที่สามารถวาดภาพ ตีกรอบ ตีตาราง และยังไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรกระดาษและหมึกปากกาอีกด้วย
ยกตัวอย่างแกดเจ็ตเจ๋งๆ อย่าง สมุด Moleskine ที่สามารถวาดภาพ , จดบันทึก ที่เชื่อมต่อแอปกับแท็ปเลตหรือไอแพด โดยปากกา Pen Plus จะติดกล้องอินฟราเรด ทำให้การเขียนนั้นจะบันทึกไปบนแอปพลิเคชันและสามารถนำไปส่งต่อเป็นไฟล์ได้ทันที โดยไม่ต้องสแกน หรือถ่ายรูปสมุดอีกต่อไป ซึ่ง Moleskine สามารถจดบันทึกได้แม้ไม่ต้องมีอินเทอร์เน็ตด้วย
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเทคโนโลยีที่พัฒนาแกดเจ็ตและอุปกรณ์ให้คนเราทำงานได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
อนาคตอันใกล้นี้เราอาจจะไม่ได้เห็นกระดาษบ่อยๆแบบในปัจจุบัน การทำงานที่ออฟฟิศมีแววที่จะลดลงไปทุกๆวัน การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็สามารถควบคุมได้ผ่านแอปพลิเคชัน , ระบบ Autopilot หรือการขับรถยนต์อัตโนมัติ ก็อาจทำให้การทำงานสะดวกสบายยิ่งขึ้นขณะเดินทาง และทั้งหมดนี้คือสัญญานที่กำลังทำให้เราเห็นว่า โลกของเราใกล้เข้าสู่ยุคของดิจิทัลแล้ว
