ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี 25% มือถือ Apple, Samsung ที่ไม่ผลิตในสหรัฐฯ

โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่าอาจมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 25% สำหรับสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ผลิตภายในประเทศ

Reporter: On Apple, you said if they do not make their iPhones in the U.S., you will hit them with a 25% tariff. Do you have the power to tariff a single company? Why would you want to hurt an American company?

Trump: It would be more. It would also be Samsung and any other… pic.twitter.com/ItF62LA286

— Acyn (@Acyn) May 23, 2025

โดยเป้าหมายหลักคือ Apple และ Samsung รวมถึงผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นๆ การเคลื่อนไหวนี้มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ย้ายฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างงานและส่งเสริมอุตสาหกรรมในประเทศ

ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า หาก Apple ไม่ดำเนินการผลิต iPhone ที่จะขายในสหรัฐฯ ภายในประเทศ จะต้องเผชิญกับภาษีอย่างน้อย 25%

ก่อนหน้านี้เขาก็ได้โพสต์ข้อความในลักษณะเดียวกันบนแพลตฟอร์ม Truth Social ซึ่งส่งผลให้หุ้นของ Apple ร่วงลงทันทีประมาณ 2.6% คิดเป็นมูลค่าตลาดที่หายไปราว 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังระบุเพิ่มเติมว่า มาตรการภาษีดังกล่าวจะครอบคลุมถึง Samsung และผู้ผลิตโทรศัพท์รายอื่นด้วย เพื่อ "ความเป็นธรรม"

เนื่องจากทั้ง Apple และ Samsung ต่างก็มีฐานการผลิตหลักอยู่นอกสหรัฐฯ และยังไม่มีความพร้อมที่จะย้ายการผลิตจำนวนมากสำหรับตลาดสหรัฐฯ กลับเข้ามาในประเทศได้ในทันที

ความไม่แน่นอนทางภาษีนี้สร้างความซับซ้อนให้กับบริษัทอย่าง Samsung ที่มีโรงงานผลิตในหลายประเทศ รวมถึงเวียดนามซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักเพื่อส่งออกทั่วโลก

ในอดีตเมื่อมีการประกาศเรื่องภาษี Samsung เคยพิจารณาส่งออกอุปกรณ์จากโรงงานในอินเดียไปยังสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราภาษีที่ต่ำกว่า

เช่นเดียวกับ Apple ที่มีรายงานว่ากำลังพิจารณาใช้อินเดียเป็นฐานการผลิต iPhone สำหรับตลาดสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากสงครามการค้ากับจีน ซึ่งเป็นแหล่งประกอบ iPhone ราว 90%

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้เคยแสดงความไม่พอใจต่อการที่ Apple อาจย้ายฐานการผลิตไปอินเดีย โดยกล่าวกับ ทิม คุก ซีอีโอของ Apple ว่า สหรัฐฯ ต้องการให้ Apple สร้างโรงงานในประเทศ ไม่ใช่อินเดีย

นักวิเคราะห์ได้ออกมาเตือนว่าการย้ายฐานการผลิต iPhone มายังสหรัฐฯ นั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เนื่องจากขาดแคลนโรงงานและบุคลากรที่มีความยืดหยุ่นดังเช่นในจีน

บริษัท Wedbush Securities ประเมินว่า iPhone ที่ผลิตในสหรัฐฯ อาจมีราคาสูงถึง 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแพงกว่าปัจจุบันถึงสามเท่า

สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่า หากทรัมป์พิจารณาการเก็บภาษีในระดับบริษัท แทนการเจรจาการค้าเป็นรายประเทศ กลยุทธ์การใช้ประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่าเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ ของทั้ง Apple และ Samsung อาจจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป

ที่มา : The Guardian, SamMobile