แม้สายงานด้านเทคโนโลยี จะได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสายงานที่มีรายได้ดี สวัสดิการเยอะ และเปิดรับคนเก่งๆ มากที่สุด แต่องค์กรยักษ์อย่าง Meta (Facebook), Google, Twitter ได้เลย์ออฟพนักงานรวมกันทุกบริษัทน่าจะเกือบแสนคนได้แล้ว
เริ่มต้นกันที่ Twitter หลังจากที่มีการเปลี่ยนมือในการบริหารจากแจ็ค ดอร์ซีย์ มาเป็น อีลอน มัสก์ ก็ได้ปลดพนักงานออกจากบริษัทราว 3,700 คนจากทั้งหมด 7,500 คนแล้ว โดยตำแหน่งงานที่ถูกปลดก็คละตำแหน่งกัน ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายรับผิดชอบด้านการสื่อสาร ฝ่ายรวบรวมเนื้อหา ฝ่ายงานด้านสิทธิมนุษยชน กลุ่มงานด้านปัญญาประดิษฐ์และวิศวกรรม ทำให้บริษัทต้องสูญเสียรายได้กว่า 4 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ/วัน หรือวันละประมาณ 131 ล้านบาท เพราะพนักงานต้องได้รับเงินชดเชย 3 เดือนทุกคน
Meta หรือบริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram เอง ก็มีการลดจำนวนพนักงานและตัดบางโครงการออกเนื่องบริษัทมีรายได้ลดลงและขาดทุนจากโครงการ Reality Labs กว่า 1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้ต้องไล่พนักงานออกกว่า 11,000 คน และเหลือพนักงานอยู่ 87,000 คนซึ่งมีการคัดแล้วคัดอีกว่าเป็นระดับหัวกะทิถึงอยู่รอด โดยค่าใช้จ่ายที่มากถึง 8 แสนล้านบาทของ Meta การลดพนักงานในครั้งนี้ทำให้บริษัทลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 57,200 ล้านบาท หรือไตรมาสละ 14,300 ล้านบาท แต่ก็มีการชดเชยให้พนักงานด้วยเงินเดือน 4 เดือน โบนัส 2 สัปดาห์และต่ออายุประกันสุขภาพให้อีก 6 เดือน
Amazon ก็มีการปลดพนักงานออกถึง 1 หมื่นคน ด้วยความที่มีธุรกิจในมือหลายด้านทำให้การชะลอจ้างงานใหม่ลดตำแหน่งงานเก่าไปตกอยู่ที่กลุ่มธุรกิจค้าปลีก คลังสินค้า ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเกี่ยวกับเด็ก หุ่นยนต์ส่งของ Pop-up Store เป็นต้น แอมะซอนยังคงมีแผนลดพนักงานต่อเนื่อง สำหรับคนที่ลาออกโดยสมัครใจจะได้รับเงินรายสัปดาห์สำหรับทุกคนที่มีอายุงาน 6 เดือน
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
ทางด้านของ Google ก็มีการปลดพนักงานกว่า 12,000 คนหรือ 6% จากพนักงานทั้งหมด 186,700 คนแบบไม่ให้เหตุผล แม้กระทั่งฝ่าย HR เองก็รู้ว่าตัวเองถูกไล่ออกขณะสัมภาษณ์พนักงานคนหนึ่งเช่นกัน โดยเป็นการเลิกจ้างแบบล็อกเอาต์ชื่อของพนักงานกลุ่มนี้จากระบบอัตโนมัติ จนได้รับอีเมล์เลิกจ้างถึงทราบว่าตนเองโดนให้ออกจากงานแล้ว สำหรับเงินชดเชยที่พนักงานจะได้รับคือค่าจ้าง 16 สัปดาห์บวกกับอีก 2 สัปดาห์สำหรับอายุการทำงานในแต่ละปี
Better.com บริษัทด้านการเงินและสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ ก็มีการปลดพนักงานออกมากกว่า 900 คน ด้วยการประกาศผ่านการประชุมแบบ Zoom ที่มีการคัดเลือกเฉพาะผู้ที่ต้องออกเท่านั้นถึงได้รับสิทธิ์เข้าห้องประชุมนี้ เรียกว่าเป็นการบอกเลิกจ้างที่เศร้าทีเดียว
ทางด้านของประเทศไทยเอง ก็มีหลายบริษัทที่เป็นบริษัทข้ามชาติที่ประกาศเลิกจ้างพนักงาน
Shopee ไทย ประกาศเลิกจ้างพนักงานราว 300 คน ตามนโยบายของบริษัทแม่อย่าง SEA โดยส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานในกลุ่ม ShopeePay และ ShopeeFood
Garena ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ SEA ของ shopee ก็มีการยุติการดำเนินงานแพลตฟอร์มสตรีมเกมไปส่วนหนึ่งหลังจากเสียรายได้ไปเกือบ 1,000 ล้านดอลล่าร์ หรือแม้แต่ในส่วนของ SEA Labs ที่พัฒนาด้านบล็อกเชนและพับลิกคลาวด์ก็ปิดตัวไปเช่นกัน
AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายอันดับหนึ่งของไทยก็มีการปลดพนักงานกว่า 200 คนหลังประเมินผลงานต่ำกว่าเกณฑ์ในช่วงสิ้นปี 2565 จากพนักงานทั้งกรุ๊ปที่มีกว่า 20,000 คน ส่วนข่าวลือว่าจะปลดพนักงานมากถึง 3,000 คนนั้น ยังต้องจับตาดูกันต่อไป
นี่ยังไม่รวม JD Central ที่กำลังจะปิดตัวพนักงานที่เคยทำงานในกลุ่มนี้จะตกงานกันอีกสักเท่าไหร่
สิ่งที่พนักงานจะต้องได้รับหลังถูกเลิกจ้าง
นอกจากนี้ การคำนวณอัตราค่าจ้างที่พนักงานจะต้องได้ชดเชย ต้องแบ่งเป็น