svasdssvasds

ประตูเชื่อมมิติ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ไอร์แลนด์ - สหรัฐฯ หากันจนเจอ

ประตูเชื่อมมิติ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ไอร์แลนด์ - สหรัฐฯ หากันจนเจอ

สหรัฐฯ และ ไอร์แลนด์ กลายเป็น 2 เมืองล่าสุด ที่มี ประตูเชื่อมมิติ ทำให้ผู้คนทั้งสองประเทศ ติดต่อสื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์

SHORT CUT

  • สหรัฐฯ และ ไอร์แลนด์ กลายเป็น 2 เมืองล่าสุด ที่มี ประตูเชื่อมมิติ ทำให้ผู้คนทั้งสองประเทศ ติดต่อสื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์ และถือเป็นการ
  • โดยก่อนหน้านี้ เคยมี ประตูเชื่อมมิติ มาแล้ว เมื่อปี 2021 โดยครั้งนั้นเป็นการเชื่อม  โปแลนด์กับลิทัวเนีย ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่อยู่ในยุโรปเช่นเดียวกัน 
  • นี่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนว่า เทคโนโลยี ทำให้คนเชื่อมโยงกันได้ 

สหรัฐฯ และ ไอร์แลนด์ กลายเป็น 2 เมืองล่าสุด ที่มี ประตูเชื่อมมิติ ทำให้ผู้คนทั้งสองประเทศ ติดต่อสื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์

โลกของเรามีเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แล้วยิ่งเทคโนโลยีของเราพัฒนาไปไกล ก็ยิ่งมีอะไรพิเศษๆ มากขึ้นเรื่อยๆ    โดยก่อนหน้านี้ โลกเราเคยมี ประตูทะลุมิติ ที่เคยสร้างความฮือฮาเมื่อปี 2021 โดยครั้งนั้น เป็นการเชื่อมระหว่างโปแลนด์กับลิทัวเนียมาแล้ว , และล่าสุด ประตูเชื่อมมิติ ก็มี บานใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว โดยครั้งนี้ เป็นการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก โดยเป็นการเชื่อม ไอร์แลนด์ กับ สหรัฐฯ และสร้างเสียงฮือฮาไม่น้อย 

ประตูมิติ ที่กำลังเป็นไวรัลขึ้นมาอีกครั้งนั้น , สามารถทำให้ผู้คนทั้ง 2 เมืองทั้งฝั่ง ดับลิน ในไอร์แลนด์ และ นิวยอร์ก ในสหรัฐฯ สามารถมองเห็นกันและกันได้เหมือนกับข้างๆ กัน โดยที่ประตูทั้งคู่จะฉายภาพขนาดใหญ่พร้อมกล้องที่ถ่ายทอดสดระหว่างเมืองนั่นเอง 

นั่นหมายความว่า ผู้คนที่อยู่ห่างกันถึง 3,000 ไมล์ สามารถติดต่อสื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์ 

สหรัฐฯ และ ไอร์แลนด์ กลายเป็น 2 เมืองล่าสุด ที่มี ประตูเชื่อมมิติ ทำให้ผู้คนทั้งสองประเทศ ติดต่อสื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์

ทั้งนี้ การออกแบบประตูให้เป็นวงกลมมาจากไอเดีย วงล้อเวลา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโลกวิทยาศาสตร์และไซไฟ Portal นี้ถูกออกแบบโดยศูนย์นวัตกรรม LinkMenu fabrikas ของมหาวิทยาลัย Vilnius Gediminas ซึ่งใช้เวลาถึง 5 ปี ในการทำให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่างใช้ ทำงานได้จริง

ประตูมิตินี้ อาจดูเหมือนไม่ได้เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่อะไร ถ้าหากเราจะเรียกมันว่ากล้องวงจรปิดในดีไซน์เท่ๆ 2 ตัวที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แต่หากลองวิเคราะห์เบื้องหลังเบื้องลึกไอเดียนี้ มันคือการดึงผู้คนที่ถูกตัดขาดออกจากกันด้วยเส้นแบ่งรัฐ พื้นที่ ให้เข้าหากัน 

การตั้งประตูฉายภาพเมืองต่างๆ อาจดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การที่ มนุษย์เราสามารถมองเห็นชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คนในพื้นที่ต่างๆ ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงผ่านประตูได้ อย่างน้อยๆ มันก็สามารถสร้างความรู้สึกใกล้ชิดและ ‘เป็นหนึ่งเดียว’ ได้มากขึ้น 

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

A post shared by NYC DOT (@nyc_dot)

 

 

ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้ พรมแดนประเทศและรัฐอาจเป็นเส้นที่บางลงเรื่อยๆ ถ้าหากเราสามารถรับรู้ถึงผู้คนอีกฟากโลกได้เหมือนอยู่ใกล้กัน 

นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ว่า เทคโนโลยีย่อโลกให้แคบลง ...และทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น

ที่มา : archpaper

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related