svasdssvasds

ประวัติศาสตร์ของ "เซลฟี่" มีจุดเริ่มต้นยาวนานกว่า 180 ปี ก่อนยุคสมาร์ตโฟน

ประวัติศาสตร์ของ "เซลฟี่" มีจุดเริ่มต้นยาวนานกว่า 180 ปี ก่อนยุคสมาร์ตโฟน

ทำความรู้จัประวัติศาสตร์ของ "เซลฟี่" มีจุดเริ่มต้นยาวนานกว่า 180 ปี ก่อนยุคสมาร์ทโฟนเสียอีก แต่ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตยุคดิจิทัลไปแล้ว

ก่อนที่สมาร์ตโฟนจะกลายเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 และการถ่าย "เซลฟี่" จะเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของผู้คนนับพันล้านทั่วโลก เคยมีช่วงเวลาที่การบันทึกภาพใบหน้าของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ทางเคมี ความอดทน และความกล้าหาญทางความคิดสร้างสรรค์ นี่คือเรื่องราวการเดินทางอันยาวนานกว่า 180 ปีของภาพถ่ายตนเอง จากจุดเริ่มต้นอันเงียบเหงาในสวนหลังบ้าน สู่ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ไปไกลถึงนอกโลก

แสงแรก: ภาพถ่ายบุคคลและเซลฟี่แรกของโลก 

เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในปี 1839 ณ เมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ในยุคที่การถ่ายภาพยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ชายผู้หนึ่งนามว่า โรเบิร์ต คอร์นีเลียส (Robert Cornelius) ช่างภาพและนักเคมีผู้หลงใหลในนวัตกรรม ได้ตัดสินใจทำการทดลองครั้งประวัติศาสตร์ เขาตั้งกล้องถ่ายภาพซึ่งทำงานด้วยกระบวนการที่เรียกว่า "ดาแกโรไทป์" (Daguerreotype) ขึ้นบริเวณด้านหลังร้านของครอบครัว

สิ่งที่เขาทำในวันนั้นได้จารึกประวัติศาสตร์ไว้สองหน้าพร้อมกัน เขาถอดฝาปิดเลนส์ออก แล้วรีบวิ่งเข้าไปยืนนิ่งอยู่หน้ากล้องเป็นเวลาหลายนาที ก่อนจะวิ่งกลับมาปิดฝาเลนส์อีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพถ่ายที่คมชัดอย่างน่าทึ่งของตัวเขาเอง ซึ่งไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับว่าเป็น "ภาพถ่ายบุคคลที่ชัดเจนภาพแรกในประวัติศาสตร์อเมริกา" แต่ยังนับเป็น "ภาพเซลฟี่ภาพแรกของโลก" อย่างไม่มีข้อโต้แย้งอีกด้วย
 

ภาพถ่ายเซลฟี่ ของ โรเบิร์ต คอร์นีเลียส (Robert Cornelius)

ยุคแห่งการเข้าถึง: เมื่อกระจกและ "บราวนี่" สร้างวัฒนธรรมใหม่ 

แม้คอร์นีเลียสจะได้ริเริ่มเอาไว้ แต่การถ่ายภาพตนเองก็ยังไม่แพร่หลายในทันที ด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยีที่ทั้งยุ่งยากและมีราคาแพง จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญมาถึงในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อบริษัท โกดัก (Kodak) ได้ปฏิวัติวงการด้วยการเปิดตัวกล้อง "โกดัก บราวนี่" (Kodak Brownie) กล้องพกพาที่ใช้งานง่ายและมีราคาที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

การมาถึงของกล้องบราวนี่ได้ทำให้การถ่ายภาพกลายเป็นกิจกรรมสำหรับมวลชน และเป็นครั้งแรกที่ผู้คนเริ่มทดลองถ่ายภาพตนเองผ่านกระจกเงา หนึ่งในหลักฐานชิ้นสำคัญที่สุดคือภาพถ่ายของ แกรนด์ดัชเชสอะนัสตาซียา นีคะลายีฟนาแห่งรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1914 ขณะที่พระองค์มีพระชนมายุเพียง 13 พรรษา ทรงใช้กล้องบราวนี่ถ่ายภาพพระองค์เองในกระจกเพื่อส่งให้เพื่อนสนิท ภาพนี้จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งใน "เซลฟี่ของวัยรุ่น" ภาพแรกๆ ของโลก ที่สะท้อนถึงความปรารถนาในการแสดงออกตัวตนซึ่งเป็นสากลและอยู่เหนือกาลเวลา

ประวัติศาสตร์ของ \"เซลฟี่\" มีจุดเริ่มต้นยาวนานกว่า 180 ปี ก่อนยุคสมาร์ตโฟน
 

[ กำเนิดศัพท์และยุคดิจิทัล: นิยามใหม่แห่งการถ่ายภาพตนเอง ]

คำว่า "เซลฟี่" (Selfie) ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน มีต้นกำเนิดที่ค่อนข้างใหม่และไม่เป็นทางการนัก บันทึกแรกปรากฏขึ้นในปี ค.ศ. 2002 ในฟอรัมออนไลน์ของออสเตรเลีย เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งโพสต์ภาพบาดแผลที่ริมฝีปากของตนเอง พร้อมคำขอโทษว่า "sorry about the focus, it was a selfie." (ขออภัยที่ภาพไม่ชัด มันเป็นเซลฟี่) ซึ่งนักภาษาศาสตร์เชื่อว่าเป็นการใช้คำตามสไตล์ออสเตรเลียที่นิยมย่อคำและลงท้ายด้วย "-ie"

อย่างไรก็ตาม การจะเรียกว่า "เซลฟี่" ในความหมายปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์นั้น มีนัยสำคัญมากกว่าแค่การถ่ายภาพตนเอง แต่ยังเชื่อมโยงกับ วัฒนธรรมดิจิทัล และ การเผยแพร่ผ่านสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เซลฟี่แตกต่างจากภาพถ่าย "Self-Portrait" ในอดีต

การปฏิวัติที่แท้จริงเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 2010 เมื่อสมาร์ทโฟนที่มาพร้อม กล้องหน้า กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และการถือกำเนิดของแอปพลิเคชันอย่าง อินสตาแกรม (Instagram) ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของการสื่อสารด้วยภาพไปตลอดกาล การเซลฟี่ไม่ได้เป็นเพียงการถ่ายภาพอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือในการสร้างตัวตน บอกเล่าเรื่องราว และเชื่อมต่อกับผู้คนทั่วโลก จนกระทั่งพจนานุกรมออกซฟอร์ดได้ประกาศให้ "Selfie" เป็นคำศัพท์แห่งปี (Word of the Year) ในปี 2013 ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงสถานะปรากฏการณ์ระดับโลกอย่างเป็นทางการ

ที่มา : bbc thoughtco  Daguerreotype

related