OpenAI มูลค่าพุ่ง 5 แสนล้านเหรียญ แซงหน้า SpaceX ขึ้นเบอร์หนึ่ง
OpenAI ทะยานสู่บริษัทที่มูลค่าสูงสุดในโลก ที่ 5 แสนล้านดอลลาร์ หลังดีลพนักงานขายหุ้นให้นักลงทุนรายใหญ่ สะท้อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของวงการ AI
SHORT CUT
- การประเมินมูลค่าที่ 5 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้ OpenAI ไม่ได้เป็นเพียงผู้นำด้านเทคโนโลยี AI แต่ยังกลายเป็นสตาร์ตอัพที่มีมูลค่าสูงสุด แซงหน้า SpaceX
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสอดคล้องกับการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง การสร้างรายได้กว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงครึ่งปี แสดงให้เห็นว่า OpenAI สามารถเปลี่ยนนวัตกรรมทางเทคโนโลยีให้กลายเป็นโมเดลธุรกิจที่ทำกำไรได้จริง
- ดีลการขายหุ้นโดยพนักงาน สร้างผลตอบแทนให้กับทีมงาน ท่ามกลางสงครามแย่งชิงบุคลากร AI และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหญ่ได้เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาว
OpenAI ทะยานสู่บริษัทที่มูลค่าสูงสุดในโลก ที่ 5 แสนล้านดอลลาร์ หลังดีลพนักงานขายหุ้นให้นักลงทุนรายใหญ่ สะท้อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของวงการ AI
OpenAI บริษัทผู้สร้าง ChatGPT ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ ทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หลังจากพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานได้ขายหุ้นของตนเองมูลค่ารวมประมาณ "6.6 พันล้านดอลลาร์" ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญจากมูลค่าเดิมที่ 3 แสนล้านดอลลาร์เมื่อเดือนเมษายน 2025 ที่ผ่านมา
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการขายหุ้นในตลาดรอง ให้กับกลุ่มนักลงทุนชั้นนำ ซึ่งประกอบด้วย Thrive Capital, SoftBank, Dragoneer Investment Group, MGX กองทุนจากอาบูดาบี และ T. Rowe Price
สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของนักลงทุนภายนอกที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมกับความสำเร็จของ OpenAI แม้บริษัทจะยังไม่ได้ระดมทุนรอบใหม่อย่างเป็นทางการ
การประเมินมูลค่าครั้งใหม่นี้ทำให้ OpenAI กลายเป็นสตาร์ตอัพนอกตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก แซงหน้าบริษัทเทคโนโลยีอวกาศอย่าง SpaceX ที่มีมูลค่าราว 4 แสนล้านดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยอันดับถัดมาคือ ByteDance (TikTok) ที่ 2.2 แสนล้านดอลลาร์ และ Anthropic คู่แข่งด้าน AI ที่ 1.83 แสนล้านดอลลาร์
ความสำเร็จของ OpenAI ไม่ได้มาจากมูลค่าบริษัทเพียงอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนผ่านผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยมีรายงานว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2025
บริษัทสร้างรายได้ไปแล้วกว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารายได้ตลอดทั้งปีที่แล้วถึง 16% นอกจากนี้ เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทยังได้รับการลงทุนจาก NVIDIA เพื่อสนับสนุนแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลในอนาคตอีกด้วย
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดแรงงาน AI ซึ่งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ ตัวอย่างเช่น Meta ที่ลงทุนใน Scale AI และดึงตัว CEO วัย 28 ปีอย่าง Alexandr Wang ไปเป็นหัวหน้าหน่วยงานปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงของบริษัท
ที่มา : Bloomberg
