SHORT CUT
ผลวิจัยผู้ใช้ ChatGPT ครั้งใหญ่ที่สุดเผย ช่องว่างทางเพศแคบลงอย่างชัดเจน และผู้คนนิยมใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าเรื่องงาน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งสองด้าน
เจาะลึกพฤติกรรมผู้ใช้ ChatGPT ผลวิจัยครั้งใหญ่ที่สุดชี้ AI กลายเป็นเครื่องมือในชีวิตประจำวัน และช่องว่างระหว่างผู้ใช้กำลังค่อยๆลดลง
ผลการศึกษาฉบับใหม่จาก National Bureau of Economic Research (NBER) ซึ่งจัดทำโดยทีมวิจัยเศรษฐกิจของ OpenAI และนักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้เผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เคยมีมาก่อนเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งาน ChatGPT ในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป
การศึกษานี้ถือเป็นการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยใช้ข้อมูลจากการสนทนา 1.5 ล้านบทสนทนา และอ้างอิงจากฐานผู้ใช้งานกว่า 700 ล้านคนต่อสัปดาห์
ผลลัพธ์ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทั้งในมิติของผู้ใช้งานและรูปแบบการนำ AI ไปใช้ ซึ่งกำลังสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งในแง่การทำงานและชีวิตส่วนตัว
หนึ่งในข้อค้นพบที่น่าสนใจที่สุดคือการลดลงอย่างมากของช่องว่างทางเพศในกลุ่มผู้ใช้งาน ในช่วงแรกหลังการเปิดตัว ผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นเพศชาย แต่ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกรกฎาคม 2568
พบว่าสัดส่วนผู้ใช้งานที่มีชื่อบ่งชี้ว่าเป็นเพศหญิงได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า "52%" จากเดิมที่ 37% ในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่เข้าถึงคนทุกกลุ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ChatGPT ยังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างเดือนพฤษภาคม 2567 และพฤษภาคม 2568 พบว่าอัตราการเติบโตของการใช้งานในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำสุด สูงกว่ากลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงสุดถึง 4 เท่า
ผลการวิเคราะห์ชี้ว่าการใช้งาน ChatGPT ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภารกิจในชีวิตประจำวัน โดยกว่า 3 ใน 4 ของการสนทนาทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่ 3 หัวข้อหลัก
ได้แก่ "การขอคำแนะนำเชิงปฏิบัติ" (Practical Guidance), "การค้นหาข้อมูล" (Seeking Information) และ "การเขียน" (Writing) ขณะที่การใช้งานเฉพาะทางอย่างการเขียนโค้ด (4.2%) หรือการแสดงออกถึงความรู้สึกส่วนตัว (1.9%) ยังคงเป็นกิจกรรมเฉพาะกลุ่ม
การศึกษายังได้จำแนกเจตนาของผู้ใช้ ChatGPT ออกเป็น 3 รูปแบบคือ
แม้ AI จะถูกมองว่าเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ข้อมูลกลับชี้ว่าการใช้งานในชีวิตส่วนตัวมีสัดส่วนสูงถึง 70% ในขณะที่การใช้งานเกี่ยวข้องกับงานมีเพียง 30%
ที่สำคัญคือทั้งสองส่วนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการตอกย้ำบทบาทของ ChatGPT ในฐานะเครื่องมือที่สร้างคุณค่าทั้งในมิติการทำงานและชีวิตประจำวัน
หนึ่งในกลไกสำคัญที่สร้างมูลค่าคือ "การสนับสนุนการตัดสินใจ" (Decision Support) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อผู้ใช้ค้นพบประโยชน์เหล่านี้ ก็มีแนวโน้มที่จะใช้งาน AI ในเชิงลึกและหลากหลายมากขึ้นตามกาลเวลา
โดยสรุป การศึกษาครั้งนี้ไม่เพียงเผยให้เห็นว่าใครกำลังใช้ AI และใช้อย่างไร แต่ยังแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีกำลังสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้และกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของผู้คนทั่วโลกอย่างรวดเร็ว