พรรคการเมืองเกิดใหม่ ที่น่าจับตา หลังการเลือกตั้งปี 2562
9 พรรคการเมืองเกิดใหม่ หลังเลือกตั้งปี 2562 ที่น่าจับตาว่า จะสร้างแรงกระเพื่อมกระทั่งไปถึงสั่นสะเทือน ในการเลือกตั้งสมัยหน้า
สร้างความฮือฮาไม่น้อย สำหรับกรณีที่ เสกสกล อัตถาวงศ์ แรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หนึ่งในองครักษ์พิทักษ์บิ๊กตู่ ที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขันมาโดยตลอด ได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ เข้าสังกัดพรรคที่ก่อตั้งขึ้นมาเกิดใหม่ อย่างพรรครวมใจสร้างชาติ พร้อมประกาศจุดยืนของพรรคในการหนุนให้บิ๊กตู่เป็นนายกฯ ในสมัยต่อๆ ไป
ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งปี 2562 พบว่ามีการก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นมามากมาย แต่พรรคที่น่าจับตาว่าจะมีบทบาทและสร้างสีสันในการเลือกตั้ง ก็ประกอบด้วยพรรคต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. พรรคก้าวไกล
จะว่าไปแล้ว หากจะกล่าวว่า ก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองเกิดใหม่ ก็ไม่ถูกต้องสักทีเดียว เพราะมีการจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2557 ในชื่อพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย ก่อนมีการเปลี่ยนชื่อในปี 2562 เป็นพรรคผึ้งหลวง และมีมติกลับไปใช้ชื่อพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย อีกครั้งในปีเดียวกัน
ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคก้าวไกลช่วงต้นปี 2553 และหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ 55 คน ก็ได้เข้าสังกัดพรรคก้าวไกล เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2553 และได้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคนับจากนั้นมา
ข่าวที่น่าสนใจ
2. พรรคกล้า
พรรคกล้าได้ก่อตั้งขึ้นช่วงต้นเดือนมีนาคม ปี 2563 หลังจาก กรณ์ จาติกวณิช ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีอดีตสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งมาร่วมงานด้วย ภาพลักษณ์ของพรรคกล้าจึงคล้ายๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมอย่างชัดเจน เพียงแต่ดูหนุ่มแน่นขึ้น
3. พรรคไทยสร้างไทย
ก่อตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2564 โดย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และอดีตแกนนำพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง อาทิ โภคิน พลกุล วัฒนา เมืองสุข และ น.ต.ศิธา ทิวารี เป็นต้น
4. พรรคไทยภักดี
มีจุดเริ่มต้นจากกลุ่มการเมืองที่ชื่อว่า “ไทยภักดี” ซึ่งมีภาพลักษณ์อนุรักษ์นิยมเข้มข้น (ขวาสุดโต่ง) ที่มีการทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยมีแกนนำคนสำคัญคือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะมีการจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองในปี 2564
5. พรรคเศรษฐกิจไทย
เศรษฐกิจไทย เป็นพรรคการเมืองที่กำลังถูกโฟกัสเป็นพิเศษ หลังจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อมพวกจะเข้าไปสังกัดในพรรคดังกล่าว ด้วยจำนวน ส.ส.เกือบ 20 คน จึงทำให้พรรคเศรษฐกิจไทยกลายเป็นพรรคขนาดกลางขึ้นมาทันที ที่ตามโควต้าหากร่วมรัฐบาลจะต้องได้เก้าอี้รัฐมนตรีอย่างน้อยๆ 2 เก้าอี้ แต่ถ้าบิ๊กตู่ไม่โอเค แนวทางของพรรคก็อาจกลายเป็นการเขย่าเก้าอี้บิ๊กตู่อย่างเมามัน
โดยช็อตสำคัญที่ต้องจับตามองกัน ก็คือในเดือนพฤษภาคม ที่พรรคฝ่ายค้านสามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ แบบลงมติได้ ซึ่งก็ต้องวัดใจบิ๊กตู่ ว่าจะยอมกลืนเลือดให้เก้าอี้รัฐมนตรีกับกลุ่มธรรมนัส หรือจะมีทีเด็ดอื่นๆ มาพลิกเกมในสถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบเช่นนี้
6. พรรคสร้างอนาคตไทย
พรรคสร้างอนาคตไทย ก่อตั้งโดยแกนนำกลุ่มสี่กุมาร อุตตม สาวนายน , สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ คนใกล้ชิดของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะถูกบีบให้ออกจากพรรคและ ครม. และเมื่อดูจากรายชื่อกรรมการบริหารพรรค ก็มีนักเมืองระดับเก๋าๆ เข้าร่วมหลายคน อาทิ นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และสุพล ฟองงาม อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นต้น
7. พรรคเส้นทางใหม่
พรรคเส้นทางใหม่ ก่อตั้งโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง และแกนนำ นปช. อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แต่ต่อมาจาตุรนต์ตัดสินใจกลับพรรคเพื่อไทย จากพรรคเส้นทางใหม่ ก็กลายเป็นพรรคเส้นทางไหน ไปในทันที เพราะในเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการทางการเมืองต่อไปอย่างไร
8. พรรครวมใจสร้างชาติ
เมื่อองครักษ์พิทักษ์บิ๊กตู่ในระดับแข็งขัน อย่าง เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ประกาศลาออกจากพลังประชารัฐ แล้วเข้าสังกัดรวมใจสร้างชาติ ก็ส่งสัญญาณให้ถึงความไม่ไว้วางใจระหว่างบิ๊กตู่ กับพรรคพลังประชารัฐ ที่นับวันก็ยิ่งเดาใจได้ยากว่า จะสนับสนุนบิ๊กตู่เป็นนายกฯ ในสมัยหน้าอีกหรือไม่ ดังนั้นนโยบายหลักของพรรครวมใจสร้างชาติ ก็คือการสนับสนุนให้บิ๊กตู่ได้เป็นนายกฯ ต่อไปนั่นเอง
9 พรรคไทยสร้างสรรค์
ว่ากันว่า ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะเข้าจัดทัพให้กับพรรคไทยสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นอีกพรรคหนึ่งที่ใช้เป็นฐานเสียงทางการเมืองให้บิ๊กตู่
