svasdssvasds

ลดน้ำหนักแบบ "คีโต" แพทย์เตือนเสี่ยงสมองคิดช้า-กล้ามเนื้อล้า

ลดน้ำหนักแบบ "คีโต" แพทย์เตือนเสี่ยงสมองคิดช้า-กล้ามเนื้อล้า

ลดน้ำหนักแบบ "คีโต" แพทย์เตือน! เสี่ยงสมองคิดช้า กล้ามเนื้อล้า หากต้องใช้ ความคิดเยอะๆ และเร็วๆ จะคิดไม่ทัน คิดไม่ออก เพราะ ไม่มี "กลูโคส" เพียงพอ

 ต้องยอมรับว่า เรื่องของสุขภาพ เป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ยังคงได้รับความสนใจอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องของการลดน้ำหนัก ซึ่งในปัจจุบัน มีวิธีลดน้ำหนักอยู่หลายรูปแบบ หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากในยุคนี้ คือ วิธีลดน้ำหนักแบบ คีโตเจนิค ไดเอท หรือที่เรียกกันว่าการ กินคีโต ซึ่งเป็นวิธีการลดน้ำหนักด้วยการกินไขมัน

 ด้าน รศ.นพ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ ศัลยแพทย์ด้านศีรษะ คอ เต้านม และรองคณบดีฝ่ายสารสนเทศ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โพสต์เฟซบุ๊ก บันทึกเรื่องน่ารู้ by Dr.Adune โดยมีระบุถึงประเด็น ลดน้ำหนักแบบ “คีโต” ได้ผลไหมและมีโทษไหม โดยระบุข้อความว่า

 รศ.นพ.อดุลย์ บอกว่า หลายท่านอาจเคยได้ยินวิธีลดน้ำหนักที่บอกว่า กินมันกินเนื้อ (โปรตีน) ได้เต็มที่เลย ไม่ต้องงด แค่งดแป้งอย่างเดียวน้ำหนักจะลง 

วิธีนี้ คนส่วนใหญ่รู้จักกันในวิธีการลดน้ำหนักแบบ “คีโต” ลองมาดูว่า กลไกของร่างกายเกิดอะไรขึ้นในการลดน้ำหนักแบบนี้

วิธีการคือ การใช้พลังงาน แบบที่ไม่ใช้น้ำตาล โดยอาศัยพลังงานจาก โปรตีน และไขมัน วิธีนี้จะมี Ketone เกิดขึ้นในกระบวนการ จึงเรียกวิธีนี้ ในคนไทยว่า คีโต (Ketonesis หรือ Ketogenic diet) 

หลักการ นี้ เป็นส่วนหนึ่งของ เรื่องที่ได้เล่าไปแล้วในบทความตอนก่อนหน้านี้ กลูคากอน จะเป็น พ่อครัว ที่คอยนำอาหารออกจากตู้เย็น (นำไกลโคเจนออกจากตับ) และช่องแช่แข็ง (นำกรดไขมันออกจากเนื้อเยื่อไขมัน) มาเปลี่ยนเป็นพลังงาน 

และกลูคากอน จะเกรงใจ อินซูลิน ถ้าอินซูลินในร่างกายยังสูงอยู่ จะออกมาน้อย และจะไม่ไปหยิบ กรดไขมันมาใช้ (ไม่ไปหยิบอาหารจากช่องแช่แข็ง) ใช้แต่พลังงานจากน้ำตาลกลูโคส 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ลดน้ำหนักแบบ IF คน 5 กลุ่มต้องระวัง อาจส่งผลเสียกว่าที่คิด

• Plant based Diet ประโยชน์ที่มากกว่าช่วยลดน้ำหนัก

• สาเหตุคืออะไร ลดน้ำหนักเท่าไร พุงไม่ยุบเสียที

 การกินอาหารแบบ คีโต ก็คือ การไม่กินอาหารที่เป็นแป้งหรือน้ำตาล เพื่อที่ อินซูลิน จะได้ออกมาน้อยๆ และเมื่อร่างกายต้องใช้พลังงาน กลูคากอน ก็จะไปหยิบกรดไขมันออกมาเปลี่ยนเป็นพลังงาน(เมื่ออินซูลินไม่อยู่ กลูคากอนก็สามารถไปหยิบกรดไขมัน จากช่องแช่แข็งมาใช้) น้ำหนักก็จะลดลง ฟังดูดีมากใช่ไหมครับ กินเนื้อ กินมันได้ตามที่ใจอยาก แถมลดน้ำหนักได้ด้วย

การกินคีโตได้ผลแต่มีข้อแม้ 

• โปรตีน และไขมันที่กินเข้าไป ต้องไม่มากเกินไปจนเหลือใช้ เพราะถ้ากินมากเกินกว่าที่ใช้ไป ก็จะถูกนำไปเก็บสะสมอยู่ดี 

• ควรต้องมีการออกกำลังกาย  เพราะการออกกำลังกาย กระตุ้นให้ กลูคากอน ออกมาทำงานครับ น้ำหนัก ก็จะลดได้ดี 

 อย่างไรก็ดี การใช้วิธี คีโต คืองดแป้ง และน้ำตาล มีข้อเสีย เพราะถึงแม้อวัยวะส่วนใหญ่ของร่างกาย สามารถใช้พลังงานได้จากทั้ง กลูโคส และกรดไขมัน แต่การเปลี่ยนกรดไขมันเป็นพลังงานจากเนื้อเยื่อไขมัน ต้องใช้ ออกซิเจน 

 ดังนั้น การใช้พลังงานจากไขมันจะไม่สามารถดึงพลังงานมาใช้ได้ทันที ไม่เหมือนกับกลูโคส ซึ่งสลายไกลโคเจนและเปลี่ยนเป็นพลังงานมาใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน 

การใช้พลังงานจากน้ำตาล จะมีข้อได้เปรียบคือ ใช้ง่ายกว่า พร้อมใช้ ใช้ที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องใช้ ออกซิเจน ถ้าเปรียบเทียบ การใช้พลังงานจากน้ำตาลก็จะเหมือนการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ 

ส่วนการใช้พลังงานจากไขมันต้องต่อกับปลั๊กไฟบ้าน (เพราะต้องใช้ ออกซิเจน ไม่มีออกซิเจนก็ไม่สามารถสลายเป็นพลังงานได้) การใช้พลังงานจาก กลูโคส สามารถทำได้แม้ในภาวะที่ไม่มีออกซิเจน เหมือนเก็บพลังงานไว้ในแบตเตอรี่เอามาใช้ก่อน 

 หลังจากนั้น ค่อยไปชาร์ตแบต เอาประจุกลับมา พร้อมใช้เนื้อเยื่อจึงนิยมใช้ กลูโคส เป็นพลังงานเบื้องต้น แต่ว่า น่าเสียดายที่ พลังงานกลูโคส ที่ถูกเก็บไว้ในรูปของ ไกลโคเจนที่ตับ และกล้ามเนื้อ มีพื้นที่จำกัด มีปริมาณจำกัด ใช้ไปสักพัก ก็จะหมด (เหมือน แบตหมด) ต้องใช้พลังงานจากไขมันต่อ (ต้องเสียบปลั๊ก ใช้ไฟบ้าน) 

 คนที่กินอาหารแบบ คีโต ถ้าทำอะไรเร็วๆ ก็จะเหนื่อยง่าย กล้ามเนื้อล้าเร็วกว่าปกติ เพราะกล้ามเนื้อตอนเริ่มทำงาน จะใช้ พลังงานแบบไม่ใช้ออกซิเจนก่อน ใช้ไกลโคเจนก่อน แต่พอไม่กินน้ำตาล ไม่มีไกลโคเจนสะสมในตับและกล้ามเนื้อ ก็เกิดของเสียในกล้ามเนื้อ เกิดอาการเมื่อยล้าได้ง่าย 

 อีกปัญหาหนึ่งของ การกินคีโต คือ ในสมองซึ่งใช้พลังงานค่อนข้างมาก ในการคิดและสั่งการ สมองจะใช้แต่พลังงานจาก กลูโคส เท่านั้น สมองไม่สามารถใช้พลังงานจากไขมันได้ เพราะว่า กรดไขมัน เวลาลำเลียงไปใช้ จะจับคู่กับโปรตีน 

แต่โปรตีนซึ่งมีโมเลกุลใหญ่ ไม่สามารถผ่านเยื่อหุ้มสมองเข้าไปให้พลังงานกับสมองได้ สมองจะใช้พลังงานจากกลูโคสอย่างเดียว 

คนกินอาหารคีโต จึงมีข้อจำกัด หากต้องใช้ ความคิด เยอะๆ และ เร็วๆ จะคิดไม่ทัน  คิดไม่ออก เพราะ ไม่มี กลูโคสเพียงพอ สำหรับเป็นแหล่งพลังงาน 

ถึงตรงนี้คงจะพอเข้าใจแล้วนะว่าทำไม ใน web ถึงมีคนพูดถึงว่า กินคีโตแล้วปวดหัว 

ที่มา : บันทึกเรื่องน่ารู้ by Dr.Adune

related