เดอะมอลล์ กรุ๊ป เดินหน้าเป็นรีเทลแห่งแรกในไทยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง วัดปริมาณคาร์บอน และจัดจำหน่ายสินค้าที่มีฉลากคาร์บอน เป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคอยากมีส่วนในการรักษ์โลก
ในวันที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรงอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือภาวะโลกร้อน จึงทำให้หลายฝ่ายมองหาความรับผิดชอบ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ว่าทำอย่างไรเราถึงจะสามารถช่วยกันลดความรุนแรงของหายนะสภาพภูมิอากาศเหล่านี้ลงได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เดอะมอลล์ กรุ๊ป หนึ่งในภาคเอกชนและเจ้าของห้างสรรพสินค้ารีเทลชั้นนำของไทยที่ครองใจคนไทยมานานหลายปี จึงอยากมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและโลก และไม่เพียงแค่ห้างเท่านั้นที่จะรับผิดชอบ เดอะมอลล์ ยังอยากชวนผู้บริโภคหรือลูกค้าทุกท่านมามีส่วนรับผิดชอบไปด้วยกันได้อย่างง่าย ๆ ไม่อึดอัดใจ เพียงแค่ช็อปปิง
หากอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ห้างเดอะมอลล์ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกขายสินค้าที่มีฉลากคาร์บอน เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภคที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของการรักษ์โลก ซึ่งสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนได้นั้น จะเป็นสินค้าที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบและคำนวนปริมาณการปล่อยคาร์บอนมาแล้วจากองค์กรผู้ตรวจสอบ ว่ากระบวนการผลิตของสินค้านี้ปล่อยคาร์บอนออกมาเท่าไหร่และอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานมาตรฐานหรือไม่ และมีส่วนทำโลกร้อนหรือเปล่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สตาร์ทอัปสุดเจ๋ง! "เปลี่ยนถุงขยะพลาสติก เป็นอิฐ" แถมแข็งกว่าซีเมนต์ 2 เท่า
นักวิทย์คิดค้น "แบตเตอรี่ธรรมชาติ" เปลี่ยนอากาศให้เป็นพลังงานไฟฟ้า
โรงเบียร์ยุโรป ผลิตเบียร์ผงที่แรกของโลก ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
ลูกค้าได้อะไรนอกจากสินค้าที่มีฉลากรักษ์โลก?
นอกจากลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าที่มีฉลากคาร์บอนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรักษ์โลกแล้ว ในทุก ๆ ใบเสร็จที่มีสินค้าฉลากคาร์บอน ลูกค้าสามารถดาวโหลดแอปพลิเคชัน CERO CARBON WALLET เพื่อแสกนออกมาว่าการช็อปปิงของเราในครั้งนี้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไปได้เท่าไหร่ และสามารถสะสมแต้ม CERO POINT ลุ้นรับของรางวัลมากมายเลย
การแสดงความคิดเห็นขององค์กรภาครัฐและเอกชนต่อโครงการ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาก๊าซเรือนกระจก
เพื่อบรรลุสู่เป้าความเป็นกลางทางคาร์บอน (CARBON NEUTRALITY) ในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ.2593) และเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET-ZERO GHG EMISSION) ในปี ค.ศ.2065 (พ.ศ.2608) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตระหนักถึงปัญหาก๊าซคาร์บอนมาโดยตลอด พร้อมรณรงค์ให้ทุกภาคส่วน
ระเบิดเวลา UN เตือน โลกมีเวลาไม่ถึง 10 ปี ก่อนเดินหน้าสู่หายนะสภาพอากาศ
TGO เผยสถานการณ์ตลาดคาร์บอนเครดิต โครงการพัฒนาพลังงานทดแทนมาแรง
ทั้งภาครัฐและเอกชน มีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำ ควบคู่กับการพัฒนากลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตในประเทศให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ สำหรับโครงการรณรงค์ฉลากคาร์บอน ถือเป็นการแสดงเจตจำนงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการเลือกซื้อสินค้าฉลากคาร์บอน
ซึ่งถือเป็นการผลักดันการบริโภคสินค้าและใช้บริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนสู่การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดก๊าซคาร์บอน รวมไปถึงผลักดันภาคอุตสาหกรรมการผลิตให้ความสนใจในทุกการกระบวนการการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกใช้วัสดุตลอดจนถึงการกำจัด
มุ่งเน้นกับการสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เตรียมพร้อมไปสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ นำมาซึ่งการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย และสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน
กล่าวว่า “เดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะองค์กรแห่งความยั่งยืน ภายใต้แนวทาง ESG และเป็นหนึ่งในสมาชิกเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (TCNN) ที่มีเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจภาคอุตสาหกรรม เดินหน้าประกาศเจตนารมณ์
ในการสนับสนุนแนวยุทธศาสตร์ระยะยาวของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยการยกระดับการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (CARBON NEUTRALITY) ในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ.2593) และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO GHG EMISSIONS) ภายในปี ค.ศ.2065 (พ.ศ.2608) โดย เดอะมอลล์ กรุ๊ป ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมในการลดการเกิดภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
สินค้าของเครือใดบ้างมีฉลากคาร์บอน
สำหรับกิจกรรมโครงการรณรงค์ ฉลากคาร์บอน ในครั้งนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้รวบรวมสินค้าฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ประเภทสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งสิ้นกว่า 20 แบรนด์ ได้แก่ CP, S&P, CPF, ไลปอน เอฟ, M Wrap, Comfort, Chang, โออิชิ, คริสตัล, Est, จับใจ, หยก, โอลีน, มาม่า, ไวไว, เกสร, เด็กสมบูรณ์, องุ่น, ตราฉัตรไลท์, ชาวเกาะ, กู๊ดไรฟ์, วี-ฟิท, คิงไอแลนด์, TCB, มิตรผล และGOOD EATS
เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าและใช้บริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณต่ำเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์หรือบริการประเภทเดียวกัน และถือเป็นครั้งแรกของการเปิดตัว CERO APPLICATION แอพพลิเคชันที่สามารถชี้วัดปริมาณการลดคาร์บอนจากการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากคาร์บอนได้อย่างเป็นรูปธรรม เพียงสแกนบาร์โค้ดท้ายใบเสร็จผ่าน CERO APPLICATION หรือ M CARD APPLICATION ระบบสามารถแสดงผลปริมาณการลดคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งคำนวณค่า CERO เพื่อสะสม CERO POINT แลกรับรางวัลมากมาย