svasdssvasds

ไทย สมายล์ บัส ร่วม EA รวมรถและเรือโดยสาร ใช้ยานยนต์ไฟฟ้ายกระดับขนส่งมวลชน

ไทย สมายล์ บัส ร่วม EA รวมรถและเรือโดยสาร ใช้ยานยนต์ไฟฟ้ายกระดับขนส่งมวลชน

ปฎิวัติระบบขนส่งมวลชนให้มีความสะดวกสบายและใส่ใจโลกยิ่งขึ้น เมื่อไทย สมายล์ บัส ได้เข้าร่วมเป็นบริษัทในกลุ่ม EA ควบรวมรถโดยสารเข้ากับเรือโดยสาร และยกระดับการขนส่งมวลชนด้วยการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยลดการปล่อย CO2 พร้อมกับเป็นการสะสม Carbon credit

ไทย สมายล์ บัส ร่วม EA รวมรถและเรือโดยสาร ใช้ยานยนต์ไฟฟ้ายกระดับขนส่งมวลชน เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 515 เส้นทาง ศาลายา – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (หรือ “ไทย สมายล์ บัส”) ได้ขยายธุรกิจที่สามารถควบรวมกิจการรถโดยสารและเรือโดยสารรวมทั้งสิ้น 21 บริษัท ไว้เป็นกลุ่มเดียวกันภายใต้แนวคิด Thai Smile as One  ไทยสมายล์รวมใจเป็นหนึ่ง 

ทำให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะของกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการพัฒนาให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษและไร้ PM2.5 ซึ่งในรถมีสิ่งอำนวยความสะดวกและครบวงจรเป็นประเทศแรกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย ให้บริการเส้นทางเดินรถและเดินเรือจำนวนกว่า 120 เส้นทาง มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมต่อการเดินทางและการเก็บค่าโดยสารทางบกและทางน้ำเป็นโครงข่ายเดียวกันหรือ Single Network ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 

การบริการระบบขนส่งมวลชนแบบนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการและจัดระบบการควบคุมได้อย่างรัดกุมแบบรวมศูนย์ หรือ (Single Service) และจะนำระบบการคิดค่าโดยสารแบบเหมาจ่าย ภายในโครงข่ายของกลุ่มไทยสมายล์ (หรือ Single Price) เพื่อลดภาระของผู้โดยสาร แนวคิด 3-Single นี้ จะนำไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ

เนื้อหาที่น่าสนใจ :

ไทย สมายล์ บัส ร่วม EA รวมรถและเรือโดยสาร ใช้ยานยนต์ไฟฟ้ายกระดับขนส่งมวลชน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ทำพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 515 เส้นทาง ศาลายา – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งในวันดังกล่าว บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (หรือ “ไทย สมายล์ บัส”) ยังได้ประกาศผลสำเร็จในการขยายธุรกิจของบริษัทที่สามารถควบรวมกิจการรถโดยสารและเรือโดยสารรวมทั้งสิ้น 21 บริษัท ไว้เป็นกลุ่มเดียวกันภายใต้แนวคิด Thai Smile as One  ไทยสมายล์รวมใจเป็นหนึ่ง เป็นผลให้กลุ่มไทย สมายล์ และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (หรือ “BYD”) ได้เข้าไปเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (หรือ “EA”) ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานสะอาดและด้านยานยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า EA มีจุดยืนที่ชัดเจนที่จะพัฒนาและส่งเสริมการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและ PM2.5 ตลอดจนลดต้นทุนพลังงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถเพื่อการพาณิชย์ที่มีการใช้งานสูง เช่น รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุก เป็นต้น EA ได้มองเห็นศักยภาพของ BYD ซึ่งมีการลงทุนในบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด อันเป็นกลุ่มบริษัทที่เป็นเจ้าของใบอนุญาตให้บริการรถโดยสารประจำทางจากกรมการขนส่งทางบกจำนวนรวมสูงถึง 80 เส้นทาง และกำลังจะลงทุนเพิ่มอีก 6 เส้นทาง โดยมุ่งเน้นให้บริการด้วยรถโดยสารไฟฟ้าเป็นหลัก จึงนับว่ามีวิสัยทัศน์และแนวคิดที่สอดประสานกันกับกลุ่ม EA อย่างลงตัว จึงตัดสินใจนำบริษัทย่อยเข้าลงทุนใน BYD ร้อยละ 23.63 คิดเป็นมูลค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 6,997 ล้านบาท

และมีการจัดโครงสร้างด้วยการขายกลุ่มธุรกิจให้บริการรถโดยสารในเครือ EA จำนวน 37 เส้นทาง และเรือโดยสาร 3 เส้นทาง ให้แก่ไทย สมายล์ บัส เพื่อให้มีการควบรวมกิจการในคราวเดียวกัน ส่งผลให้กลุ่มไทยสมายล์มีสายการเดินรถในกรุงเทพฯและปริมณฑลกว่า 120 เส้นทาง และเรือโดยสารอีก 3 เส้นทาง นับเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่เสริมศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม EA ให้ครบวงจรอย่างแท้จริง และยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าของบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคง อีกทั้ง EA ได้ร่วมมือกับ BYD ในโครงการขายคาร์บอนเครดิตกับรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมขึ้นอีกในอนาคตได้ ส่งเสริมให้กลุ่ม EA เป็นผู้นำทางด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร

ไทย สมายล์ บัส ร่วม EA รวมรถและเรือโดยสาร ใช้ยานยนต์ไฟฟ้ายกระดับขนส่งมวลชน นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเดินหน้าลงทุนในกิจการรถโดยสารและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าตามแผนที่วางไว้ โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก BYD ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในรูปเงินให้กู้ยืมถึง 8,550 ล้านบาท และยังได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ทั้งในด้านเทคโนโลยี บุคลากร การวางแผนกลยุทธ์ การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ และการสนับสนุนในทุกๆ ด้านที่สอดประสานกันอย่างเป็นระบบ ทำให้ไทย สมายล์ บัสเชื่อมั่นว่า จะสามารถขยายการให้บริการแก่ประชาชนเพื่อตอบโจทย์ให้ทันใจต่อความต้องการของผู้ใช้บริการได้ตามแผน ทั้งนี้ ได้ประมาณการไว้ว่าต้องใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นอีกกว่า 18,000 ล้านบาท และสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับพี่น้องประชาชน มากกว่า 7,500 ตำแหน่ง

“เราจะเป็นผู้นำในการพลิกโฉมการให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะของกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้เป็นเครือข่ายของระบบให้บริการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าที่ไร้มลพิษและไร้ PM2.5 มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และครบวงจรเป็นประเทศแรกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยการให้บริการเส้นทางเดินรถและเดินเรือจำนวนกว่า 120 เส้นทาง เราได้นำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมต่อการเดินทางและการเก็บค่าโดยสารทางบกและทางน้ำเป็นโครงข่ายเดียวกัน  (หรือ Single Network) ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ยกระดับคุณภาพการให้บริการและจัดระบบการควบคุมได้อย่างรัดกุมแบบรวมศูนย์ หรือ (Single Service) และจะนำระบบการคิดค่าโดยสารแบบเหมาจ่าย ภายในโครงข่ายของกลุ่มไทยสมายล์ (หรือ Single Price) เพื่อลดภาระของผู้โดยสาร แนวคิด 3-Single นี้  จะนำไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคนต่อไป” นางสาวกุลพรภัสร์กล่าว

ปัจจุบัน กลุ่มไทยสมายล์เปิดให้บริการรถโดยสารสาธารณะแล้ว กว่า 70 เส้นทาง หรือกว่า 900 คัน โดยแบ่งเป็น รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 35 เส้นทาง หรือจำนวนรถที่บริการ 612 คัน และรถโดยสารสาธารณะเอ็นจีวี 37 เส้นทาง หรือคิดเป็นจำนวนรถที่ให้บริการ 365 คัน สำหรับวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 นี้ เป็นวันที่เปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 515  เส้นทาง ศาลายา – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งคาดว่า จะได้รับการตอบรับและการสนับสนุนจากผู้โดยสารเป็นอย่างดีดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และจากเสียงสะท้อนที่แสดงถึงความพึงพอใจในการใช้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100% ของเรา กลุ่มไทยสมายล์จึงมีความยินดีที่จะแจ้งว่า เรามีแผนที่จะเปลี่ยนรถโดยสารทั้งหมด เป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นไป

สำหรับการเดินทางทางน้ำ กลุ่มไทยสมายล์ จะให้บริการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า  ตามลำน้ำเจ้าพระยาจำนวน 3 เส้นทางหรือ 23 ลำ และในอนาคตอันใกล้จะมีเรืออีก 17 ลำ มาให้บริการเพิ่มเติม อันจะส่งเสริมการเชื่อมต่อการเดินทางทั้งทางบก และทางน้ำของผู้โดยสารอย่างไร้รอยต่อ ประหยัดเวลาในการเดินทาง และยังลดภาระค่าครองชีพอีกด้วยรวมไปถึง บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อม ที่จะนำระบบการชำระค่าโดยสารด้วยบัตร HOP มาติดตั้งและเริ่มใช้งานจริง นอกจากจะเป็นการส่งเสริมสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) แล้วยังเป็นการปูทางสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีด้านการจ่ายเงิน (Single Price) สำหรับการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ในโครงข่ายของไทยสมายล์กรุ๊ปกว่า 120 เส้นทาง

นางสาวกุลพรภัสร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กลุ่มไทยสมายล์จะเป็นผู้นำ ในการพลิกโฉมรถและเรือโดยสาร  ในระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัย  เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ ก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งจะทำให้กลุ่มไทยสมายล์สามารถขึ้นทะเบียนและรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนเครดิตที่มีมูลค่าที่จะซื้อขายได้ในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพการให้บริการ  ค่าโดยสารอยู่ในระดับที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ตอบโจทย์ทุกการเดินทางของประชาชน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคน อย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของบริษัทฯ “เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม”