svasdssvasds

DHL มุ่งเป้า Go Green ย้ำความเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ ส่งพัสดุด้วยรถ EV

DHL มุ่งเป้า Go Green ย้ำความเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ ส่งพัสดุด้วยรถ EV

DHL Express ตั้งเป้าสู่ผู้นำอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ยั่งยืน เปลี่ยนมาใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าเพิ่มอีก 16 คัน ซึ่งยังตั้งเป้าว่าจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV เป็นจำนวน 60% ของยานพาหนะทั้งหมดของ DHL ประเทศไทย

DHL Express มุ่งเป้าสู่ความยั่งยืน "Go Green" อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะนำรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า 16 คัน วิ่งใช้ในเขต สาทร , สีลม , ปทุมวัน , พระราม 3 , ถนนสุขุมวิท และเพชรบุรีตัดใหม่ และจะเพิ่มอีก 5 คัน โดยจะรวมแล้ว 71 คัน 

DHL มุ่งเป้า Go Green ย้ำความเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ ส่งพัสดุด้วยรถ EV ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง DHL Express ได้มีการนำจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในการขนส่งตั้งแต่ปี 2020 อยู่แล้ว 50 คัน

DHL Electric Vehicle จะสามารถรองรับน้ำหนัก 1.6 ตัน (เทียบเท่ากับกล่องรองเท้า 640 กล่อง) , สามารถวิ่งได้ไกล 260 กม./ชาร์จ , แบตเตอรี่ใช้เวลา 8 ชั่วโมงในการชาร์จ

DHL มุ่งเป้า Go Green ย้ำความเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ ส่งพัสดุด้วยรถ EV พร้อมทั้งยังมีระบบ Slam Lock เมื่อนำกุญแจออกมาจากรถ ปกติแล้วจะต้องกดรีโมทเพื่อล็อก แต่ DHL Electric Vehicle ที่มี Slam Lock จะสามารถล็อกได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยป้องกันความปลอดภัยทั้งพัสดุและป้องกันการลืมล็อกประตูรถ

และยังมี Telemetics System จะมี GPS real-time ตรวจสอบว่ารถอยู่ที่ไหน , ​กล้องประจำตัวรถ , สมองกลของการขับรถ ตรวจวัดพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงาน ซึ่งจะทำให้ตรวจสอบได้ทั้งหมด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

DHL Electric Vehicle จะสามารถช่วยลดคาร์บอนได้มากแค่ไหน?

รถ 1 คัน จะสามารถช่วยลดคาร์บอน 1,000 ต้น/ปี (16 คัน ลดคาร์บอน 16,000 ต้น/ปี)

DHL มุ่งเป้า Go Green ย้ำความเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ ส่งพัสดุด้วยรถ EV DHL ตั้งเป้าที่จะเปลี่ยนมาใช้รถ EV เป็นจำนวน 60% ของยานพาหนะทั้งหมดในประเทศไทย ภายในปี 2573 และตั้งเป้าจะเพิ่มจุดชาร์จอัจฉริยะที่ศูนย์บริการเพื่อรองรับปริมาณรถ EV ที่จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ที่ต้องการเน้นย้ำเรื่องความยั่งยืน ยังได้ตั้งเป้าการใช้เชื้อเพลิงยั่งยืนในการขนส่งด้วยเครื่องบิน (Sustainable Aviation Fuels) ให้ได้มากกว่า 30% ภายในปี 2573 

DHL ลงทุนกว่า 7 พันล้านยูโรเพื่อส่งเสริมด้านมาตรการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จนถึงปี 2566 ซึ่งมีการวางแผนว่าจะใช้รถ EV มากกว่า 1,000 คันในเอเชียแปซิฟิกภายในปี 2567

การเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าของดีเอชแอล ประเทศไทย จะสอดคล้องกับนโยบาย 30@30 ของไทย ซึ่งมีเป้าหมายให้รถยนต์ 30% ในประเทศเป็นรถพลังงานไฟฟ้าภายในปี 2573 

DHL ยังช่วยเสริมให้ผู้ใช้บริการสามารถช่วยลดคาร์บอนได้มากขึ้น ด้วยบริการ GoGreen Plus ที่สามารถให้ลูกค้าเลือกได้ว่าจะใช้บริการขนส่งแบบพลังงานสะอาดและช่วยลดก๊าซเรือนกระจก

related